A Blogger by Beamcool

บล็อค ที่รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ การตลาด seo และ วิธีการ หาเงิน บน อินเตอร์เน็ต เทคนิคในการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต ( เราหมายถึงการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต จริง ๆ ที่ไม่ใช่การชวนเข้า mlm แต่อย่างใดครับ) รวมถึง บริการออนไลน์ ออฟไลน์ ต่าง ๆ ในเครือ Wittybuzz ไว้ด้วยกัน ใครที่เยี่ยมชมนี้ด้วย Internet Explorer แนะนำให้ดาวโหลด Firefox มาใช้จะดีกว่าครับ นอกจากลูกเล่นจะมีเยอะกว่า ยังมีเครื่องมือที่สนับสนุน SEO อีกด้วยครับ


ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) นับเป็นอีกกระบวนการหนึ่ง ที่เราต้องให้ความสำคัญและต้องศึกษาอย่างแน่ชัดมากยิ่งขึ้น งานด้านการตลาดอาจดูเหมือนไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วการตลาดจะมีส่วนประกอบหลายด้านด้วยกันเพื่อก่อให้เกิด การซื้อขาย และการดำเนินธุรกิจการค้าที่มีการแข่งขันกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมนั่นเอง

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับไม่ได้เจอกันหลายวันนะครับในช่วงนี้ตั้งแต่บล็อกแห่งนี้ต้องมี ปัญหามากมายนั่นเอง แต่ไม่เป็นไรครับผมเองจะพยายามหาเวลาเพื่อมานำเสนอข้อมูลข่าวสารความรู้ ต่างๆ ให้ทุกท่านได้อ่านกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ แม้ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผมเองจะไม่ค่อยได้เข้ามาอัพเดทข้อมูลมากนักแต่ก็ยัง คงเข้ามาดูว่าหลายๆ ท่านมีความคิดเห็นต่างๆ ว่าอย่างไรกันบ้างอยู่เสมอนะครับ ประเดี๋ยวท่านจะน้อยใจว่าผมไม่เข้ามาเลย ฮะๆๆๆ ก็คิดว่าหลายท่านคงจะสบายดีกันนะครับส่วนผมก็สบายดีครับ เพราะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ นั้นมันก็ต้องมีให้เราแก้เป็นเรื่องปกตินั่นเองครับ เอาหละพูดพร่ำทำเพลงมานานประเดี๋ยวบางท่านจะงอนเอาซะอีกเราไปดูบทความเรื่อง ส่วนประสบทางการตลาดกันเลยดีกว่าครับ

ส่วนประสมทางการตลาด นั้นจากที่ผมสามารถแยกประเภทหรือศึกษามาจะขอแยกออกเป็น 3 ด้านด้วยกันนะครับ (บางท่านอาจมีความเห็นมากกว่านี้ แต่นี่ผมเองก็แยกเอาแบบคร่าวๆ นะครับแหะๆๆๆ) ดังนี้ครับ

  1. สินค้า (Product)
  2. ราคา (Price)
  3. การจัดจำหน่าย (Place)

จุดมุ่งหมายของการแยกส่วนประสมทางการตลาด ทั้ง 3 ด้านนี้ก็เพื่อเป็นการช่วยให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้น การกำหนดราคาที่ยุติธรรมน่าซื้อ และ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายในท้องตลาดเป้าหมายที่ได้กำหนดเอาไว้นั่นเองครับ

แต่ในทางปฏิบัติในยุคปัจจุบัน (คือยุคของพวกเรานี่แหละนะครับ) การใช้เครื่องมือทางการตลาดเพียง 3 อย่างข้างต้นนั้นอาจไม่ได้เพียงพอ เหตุก็เพราะว่าการวางจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดปัจจุบันนั้นมีมากมายหลากหลาย ยี่ห้อ จนผู้ซื้อหรือผู้บริโภคไม่สามารถจดจำผลิตภัณฑ์ได้ทุกชนิด ฉนั้นเป็นเหตุให้ผลิตภัณฑ์ที่เราจัดจำหน่ายนั้นอาจไม่เป็นที่รู้จักต่อ ลูกค้าเลยก็เป็นได้ (ลองนึกดูว่าท่านต้องหาช่องทางใดในการสร้างความรู้จักนี้) ฉนั้นการตลาดจึงจำเป็นต้องเพิ่มช่องทางอีกช่องทางหนึ่งเพื่อเป็นการ กระตุ้นลูกค้า ชัดจูงและเชิญชวนให้เขาซื้อ และจดจำ กิจกรรมที่ผมได้กล่าวมานี้เราเรียกแบบรวมๆ ว่า “การส่งเสริมการตลาด (Promotion)” หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “การสื่อสารทางการตลาด (Marketing Communications)” นั่นเองครับ ซึ่งรูปแบบในปัจจุบันเราอาจมีได้หลากหลายวิธีด้วยกันทั้งที่เป็น ออฟไลน์และออนไลน์ เช่นเว็บไซต์ บล็อก สื่อวิทยุ โทรทัศน์ และป้ายโฆษณา ต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้เราต้องมีการวางแผน และนำมาใช้อย่างถูกหลักการและวิธีการจริงๆ จึงจะก่อให้เกิดผลทางการตลาดที่สามารถประสบความสำเร็จได้

และแน่นอนครับว่าเมื่อเราต้องอาศัย เครื่องมือเหล่านี้สิ่งที่จะต้องตามมาติดๆ ก็คือในเรื่องของต้นทุนต่างๆ ที่มีทั้งที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และให้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มเงินก็มีครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้วางแผนด้านการตลาดว่า จะใช้สื่อเหล่านั้นอย่างไรและทำอย่างไรจึงจะเกิดผลสูงสุดนั่นเอง

ที่มา : เมกเมนนี่ดอทคอม

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักยักษ์ใหญ่ Search Engine ของโลกที่ชื่อว่า Google เครื่องมือที่เจ้าแห่ง Search Engine ใช้ในการบันทึกข้อมูลเว็บไซต์หรือบันทึกหน้าเพจ (การทำดัชนีของ Google) นั้นเราเรียกว่า Robot หรือ Spider สำหรับ Google เราเลยเรียกว่า Googlebot นั่นเองครับ เพื่อใช้ในการ Crawling หน้าเพจต่างๆ

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากออนไลน์ไม่ได้ไปหลายวัน (เน็ตเจ้งๆ แย่จริงๆ) มีคนเขาบอกว่าเวลาเรามีของอะไรอยู่ในตัวมันจะร้อนพยายามหาทางปล่อยของออกไป ฮะๆๆๆ วันนี้ก็เลยต้องลุกขึ้นมาเขียนบทความให้ได้อ่านกันสักนิดครับเพื่อหลายท่าน จะได้ไม่เบื่อเพราะเนื้อหาเดิมๆ นั้นได้ถูกยกเลิกไปนั่นเอง แต่เชื่อเถอะครับว่าเนื้อหาใหม่ๆ นั้นจะมีความทันสมัยกว่าเดิมมากครับ เอาหละวันนี้ผมก็จะมาพูดถึง Googlebot กันสักนิด ผมคงไม่เอาเรื่องของ Google มาพูดหรอกนะครับเพราะคงจะยาวน่าดูเหมือนกันเอาเป็นว่าจะมาพูดเฉพาะส่วนสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับเราก็แล้วกันครับ จะได้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยครับว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง

Googlebot หรือ Googlespider นั้นมีหน้าที่หลักๆ ก็คือการเข้าไป Crawling และทำสำเนาข้อมูลหน้าเพจ ของเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ เพื่อใช้ในการทำดัชนี (Index) โดยจะไต่ไปตามลิงค์ต่างๆ ที่มีอยู่ในหน้าเพจหรือเว็บไซต์ การทำงานของ Googlebot นั้นจะทำการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับจากหน้าเพจเข้าสู่ฐานข้อมูลของ Google Server เพื่อใช้ในการประมวลผลและจัดอันดับตามความเหมาะสมที่ระบบของ Google สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ นอกจากนี้การไต่ไปตามหน้าเพจต่างๆ นั้นก็จะมีการเข้ามาตรวจสอบข้อมูลใหม่ๆ อีกเรื่อยๆ เพื่อทำการบันทึกข้อมูลที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในหน้าเพจเก่าที่เคยบันทึกไป แล้วด้วยเช่นกันครับ

Google Bot หรือ Google Spider นั้นมีด้วยกัน 2 ชนิดหลักๆดังนี้ครับ

  1. Deepbot = ทำงานเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น
  2. Freshbot = ทำงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงครับ

เอาหละครับเดี๋ยวเรามาทำความรู้จักเจ้าของตัวนี้ว่ามีรูปแบบการทำ งานอย่างไรบ้าง เพื่อเราจะได้เข้าใจกลไกการทำของเขาได้มากยิ่งขึ้นนั่นเองครับเริ่มจาก

Deepbot

Deepbot เป็น Spider ตัวหนึ่งของ Google ที่มีนิสัยชอบไปไหนมาไหนไกลๆ เป็นนักค้นหาครับเจ้านี้และขยันมากๆ ครับจะค้นทุกอย่างที่ใครต่อใครไม่เคยรู้เจ้า Spider ตัวนี้จะรู้หมดครับ และหาเจอทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกออนไลน์ (อันนี้แหละที่แม้แต่ในระบบที่ล็อกอินก็ยังเข้าไปบันทึกได้) เพราะเดินทางไปเรื่อยๆ และก็จะค้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม้แต่เว็บที่ไม่เคยมีการโปรโมทเลยเขาก็หาพบ เจ๋งมากๆ ตัวนี้แต่ด้วยเหตุที่เจาะทะลุทะลวงและเดินทางไกลๆ นี่เองทำให้ Deepbot สามารถทำงานได้เพียงเดือนละครั้งเท่านั้นครับ (นี่ดีนะครับขนาดทำงานเดือนละครั้งยังเจาะได้ขนาดนี้ ถ้าเดือนละหลายๆ ครั้งนี่ผมว่าแม้แต่คอมพิวเตอร์ที่ออนไลน์อยู่ก็คงจะรู้ว่าแต่ละเครื่องมี อะไรอยู่บ้าง เหอๆๆๆๆ เอ..หรือว่ารู้อยู่แล้วหว่า?)

Freshbot

Freshbot จะทำหน้าที่ในการไล่ตรวจข้อมูลเก่าๆ และข้อมูลใหม่ๆ ที่มีการนำเสนอบ่อยๆ เช่นบล็อกต่างๆ รวมไปถึงไปตรวจเว็บที่ Deepbot เคยไปเก็บบันทึกมาอย่างมากมายด้วย ทั้งนี้ Freshbot จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันและขยันมากๆ ครับในแต่ละวันนั้น Freshbot จะเข้าไปตรวจหน้าเพจต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่หลายๆ ครั้งยิ่งเว็บไหนหรือบล็อกไหนอัพเดทบ่อยๆ ยิ่งไปบ่อยครับนั่นเลยทำให้ได้รับข้อมูลอะไรต่างๆ ที่ใหม่และสดอยู่เสมอนั่นเอง

เอาหละครับก็คิดว่าทุกท่านคงพอรู้จักกับ Google Bot หรือ Google Spider กันไปบ้างแล้วนะครับทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการปรับแต่งบล็อกการตลาด หรือเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสมกับการเข้าบันทึกข้อมูลของ Google เพื่อให้การทำดัชนีหน้าเพจเรานั้นมีประสิทธิภาพสูง และทำให้เรารู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อข้อมูลที่เรามีอยู่นั้นมันไม่ทันสมัย เสียแล้ว เอาหละครับสำหรับเรื่องนี้ผมคงนำเสนอเพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรใหม่ๆจะมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้งครับแล้วพบกันในบทความ หน้าครับ.

ที่มา : เมกเมนนี่ดอทคอม


ความ สำเร็จทุกอย่างใช่จะได้มาโดยง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้กลับกลายเป็น ส่วนลึกของจิตใจและความรู้สึกภายในของตัวเรานั่นก็คือ “ทัศนคติ” บทบาทสำคัญที่ส่งผลต่อการกระทำใดๆ เพื่อให้เกิดผลทางการตลาดอย่างชัดเจน แม้จะไม่สามารถตอบได้ว่า 100% หรือไม่แต่อย่างน้อยก็ไกล้เคียงอย่างแน่นอน

สวัสดีครับทุกๆ ท่านครับวันนี้ผมก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ทัศนคติ” มาเล่าสู่กันฟังครับ จากหลายวันที่บล็อกแห่งนี้ไม่ได้อัพเดทและประสบปัญหามากมายก่ายกองเลยก็คงจะ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้างละครับ ยังไงก็ตามที่แห่งนี้จะยังคงดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาดต่อไปเหมือนเดิมไม่ขาดหายไปไหนครับ และจะมีสิ่งดีดีมานำเสนอให้ทุกท่านได้อ่านกันเรื่อยๆ ตลอดไปครับ เอาหละพูดพร่ำทำเพลงมาหลายคำละเสียเวลาเราไปดูกันต่อครับว่า “ทัศนคติ” นั้นมีผลต่อการตลาดอย่างไร

ความหมายของคำว่า ทัศนคติ
ทัศนคติ (Attitude) หมายถึง คุณค่าในจิตใจของผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มีผลจากสิ่งแวดล้อมซึ่งแสดงออกใน ลักษณะของความชอบ ไม่ชอบที่มีต่อบุคคล วัตถุหรือสิ่งของ เรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ

บทบาทของทัศนคติของผู้บริโภคต่อการตลาดเป็น 4 ประการ

  1. หน้าที่ในการให้อรรถประโยชน์ (Utilitarian Function)
  2. หน้าที่ในการแสดงคุณค่า (Value-Expression Function)
  3. หน้าที่ในการปกป้องความเชื่อ (Ego-Defensive Function)
  4. หน้าที่ในด้านการจัดระเบียบความรู้ (Knowledge Function)

ทัศนคติ เป็นลักษณะของแนวโน้มตามปกติของตัวบุคคลในการที่จะชอบหรือเกลียดสิ่งของ บุคคล และปรากฏการณ์ต่าง ๆ กล่าวคือ ทัศนคติจะเป็นลักษณะของระบบ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะประเมินสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสมอ (A system of evaluative orientation)

การก่อตัวของทัศนคติและองค์ประกอบของทัศนคติ

การก่อตัวของทัศนคติสรุปได้เป็น 4 ลักษณะ ดังนี้

  • ทัศนคติเป็นสิ่งที่มีอยู่ภายใน
  • ทัศนคติจะมิใช่สิ่งที่มีมาแต่กำเนิด จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ตนได้เกี่ยวข้องอยู่ด้วยในภายนอก
  • ทัศนคติจะมีลักษณะมั่นคงถาวร
  • ทัศนคติจะมีความหมายอิงถึงตัวบุคคลและสิ่งของเสมอ

องค์ประกอบของทัศนคติ

ทัศนคติ (Attitude)

เมื่อเรามองย้อนกลับในทางตรงกันข้ามกัน ของเราและผู้บริโภคนั่นจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราต้องมีการพัฒนา สิ่งต่างๆ ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคได้ แต่เชื่อหรือไม่ครับว่าในความเป็นจริงแล้วทัศนคติที่มีผลต่อการตลาดนั้น มักเกิดกับนักการตลาดเอง ไม่ใช่ผู้บริโภคสิ่งนี้ผมจะขอยกตัวอย่างเล็กๆ ให้ได้เห็นภาพกันนะครับ เช่น นักการตลาดบางคนคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ไม่คุ้มค่ากับสิ่งทีทำ ผลสะท้อนที่เป็นก็คือการท้อแท้ และสิ้นหวังทำให้อาชีพที่ตนเองทำอยู่นั้นดูมืดลงทันที

แต่ถ้านักการตลาดคิดในเชิงบวก หรือมีทัศนคติที่เป็นบวกเสมอ ส่วนใหญ่แล้วจะประสบความสำเร็จอย่างดี เพราะไม่ว่าจะทำสิ่งใดนักการตลาดกลุ่มนี้มักทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้เต็มที่ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ จะไม่ยอมให้ความคิดเล็กๆ ที่อยู่ในใจนั้นมีอำนาจไปกว่าสิ่งที่มุ่งหวังและตั้งใจที่ได้เริ่มต้นมาแต่ แรกเริ่ม ฉนั้นผลสะท้อนที่เห็นได้ชัดก็คือความสำเร็จที่ตอบแทนกลับมานั่นเองครับ

ที่มา : เมกเมนนี่ดอทคอม



ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันที่พบเห็นกันเป็นอย่างมากก็คือ “การหาคลิปหลุดของดาราไม่เจอ” ไม่ช่าย เรื่องของ “ปัญหาไวรัสลงเครื่อง” ต่างหาก หลายคน (รวมทั้งตัวผมเอง) ก็เจอปัญหานี้อยู่เป็นระยะๆ จากประสบการณ์ของผมเกี่ยวกับการใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส ( Anti-Virus Program) ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน) รวมๆ ก็ประมาณ 7-8 ยี่ห้อแล้ว แต่ก็ยังเจอปัญหานี้อยู่ร่ำไป จนเริ่มรู้สึกว่า ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ (แม้กระทั่งแอนตี้ไวรัส)

แล้วเราจะแก้ไขปัญหาเรื่องไวรัสนี้อย่างไรดีล่ะ? วันนี้ผมจะมาบอกวิธีการป้องกันที่ง่ายจนไม่น่าเชื่อให้คุณลองเอาไปทำดูนะครับ

1. ควรทำการ update ฐานข้อมูลไวรัสของโปรแกรมป้องกันไวรัสในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณบ่อยๆ นะครับ
(ไม่ว่าคุณจะได้มาฟรีหรือเสียเงินก็ตาม) เพราะการ update บ่อยๆ จะทำให้เครื่องของเรารู้จักไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ดีขึ้น จะได้ไม่เป็นกรณีเชิญโจรเข้ามานั่งเล่นในบ้านของเรานะครับ ถ้าเครื่องเราไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ทเป็นประจำ ก็ลองหาวิธีการ update แบบ off-line ก็ได้ครับ

2. ติดตั้งโปรแกรมจำพวก Disable การ Autorun ของอุปกรณ์
ตัวหนึ่งที่ผมว่าดีและฟรีก็คือ CPE17 Autorun Killer และอีกตัวก็คือ USB Security Disk (เครื่องที่ผมใช้งานอยู่ลงทั้งสองตัวนี้ครับ) โดยการทำงานคร่าวของมันก็คือ “จะหยุดการ Autorun เมื่อตอนที่เราเสียบ Thumb Drive (อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB ) หรือใส่แผ่นซีดี” เพราะไวรัสหลายตัวเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านช่องทางนี้

3. เมื่อติดตั้งแล้วโปรแกรม Disble Autorun แล้ว หลังจากเสียบอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ USB แล้ว อย่าเพิ่งเริ่มใช้งาน
ให้ลองคลิ้กขวาที่เม้าส์ ที่ Drive ของ USB เสียบอยู่ เลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสสแกนดูก่อนเปิด จะช่วยป้องกันการติดไวรัสได้ดีเลยทีเดียว

4.หลังจากดาวน์โหลดไฟล์หรือได้รับไฟล์อะไรใหม่ก็ตาม อย่าเพิ่งเปิด เสียเวลาสักนิด สแกนดูก่อน
เพราะส่วนใหญ่ไฟล์ที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ทมักจะแนบไวรัสไว้ด้วย (พวก Crack,Sereal Number,Keygen นี่ตัวดีเลย)

5. การสำรองข้อมูลหรือการใช้ System Restore ก็เป็นการป้องกันที่ดี
(ถ้าใครสำรองข้อมูลด้วยการ Ghost ได้นี่ยิ่งดีใหญ่เลยครับ ผมก็ทำไว้อยู่เหมือนกัน windows มีปัญหาปุ๊ป ลง Ghost ปั๊บ กลับมาใสปิ๊งเหมือนเดิม)

6. ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ไม่ควรเก็บไว้ใน ไดรว์ C:
เพราะหากเกิดปัญหาอะไรก็ตามจนถึงขั้นที่ต้อง format เครื่องใหม่ ข้อมูลใน ไดรว์ C: จะหายไปทั้งหมด ถามว่ากู้กลับมาได้ไหม ตอบว่าได้ครับ แต่อาจไม่สมบูรณ์ ถ้าอย่างนั้น เก็บไว้ที่อื่นง่ายกว่าเยอะครับ

แค่ไม่กี่ข้อนี้ผมว่า เครื่องของคุณจะลดความเสี่ยงในเรื่องปัญหาไวรัสลงเครื่องไปได้มากโขเลยครับ ง่ายดีไช่ไหมครับ

ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม


คลิปหลุดคืออะไร? (ความจริงไม่ต้องถามก็ได้มั้ง น่าจะตอบกันได้อยู่แล้ว) คลิปหลุดก็คือ คลิปที่ข้าถ่ายเอ็ง เอ็งถ่ายข้า แต่ชาวบ้านดันได้ดูซะนี่ ในปัจจุบันนี้ สิ่งที่อันตรายสำหรับโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้ามากมายก็คือ คลิปหลุดมันไม่ได้อันตรายสำหรับพวกเราหรอกครับ แต่มันอันตรายสำหรับ คนที่อยู่หน้ากล้อง (โทรศัพท์มือถือ)

“หาก คุณเผยเคลิบเคลิ้ม ปล่อยตัวปล่อยใจ ไปกับการยินยอมถ่ายภาพหรือวีดีโอระหว่างคุณกับคนรักแล้ว อย่าประมาท และอย่าคิดว่า คลิปนี้มีคนเห็นแค่คุณกับคนรักสองคนเท่านั้นในโลกนี้”

อันตรายมากครับ อย่าได้คิดอย่างนั้นเชียว มันเลิกกับคุณเมื่อไหร่ คุณได้ไปยิ้มบนอินเตอร์เน็ทแน่นอน

หลายคนอาจจะคิดว่า แค่ลบทิ้งก็ไม่ต้องกังวลแล้ว หรือถ้าจะให้ชัวร์ ก็ format สื่อบันทึกข้อมูลตัวนั้นไปก็จบแล้ว

ไม่ ชัวร์ครับ ผมอยากจะบอกคุณว่าไม่ชัวร์ เมื่อก่อนผมคิดว่าการ format น่าจะเป็นทางที่แก้ไขปัญหาในเรื่องของการลบข้อมูลทิ้งได้ดีที่สุด จนเมื่อวันหนึ่งผมได้มีโอกาสได้ โปรแกรมกู้ไฟล์ ตัวหนึ่งมาไว้ครอบครอง

ความน่ากลัวของมันก็คือ ไม่ว่าคุณจะลบข้อมูลถึงขั้น format ไปแล้ว มันก็ยังสามารถดึงข้อมูลที่(เราคิดว่า)สาบสูญไปแล้ว ให้กลับมานั่งยิ้มอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ได้อีกครั้งหนึ่ง (บนคอมพิวเตอร์ใครก็ไม่รู้นะครับ)

และข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการเก็บข้อมูลลงบนสื่อบันทึกนั้น ผมว่าหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ (รวมถึงผมในตอนแรกด้วย)

เวลาที่เราลบข้อมูลจากสื่อบันทึกข้อมูลใดๆ ก็ตามนั้น การลบข้อมูลโดยการ delete หรือ format นั้นเป็นแค่การลบไปแต่ในนามแค่นั้น แต่เนื้อหาของข้อมูลนั้นยังคงอยู่ในสื่อบันทึกข้อมูล เพียงแต่เราและเครื่องคอมพิวเตอร์มองไม่เห็นเท่านั้น หากมีโปรแกรมที่สามารถดึงข้อมูลที่ลบไปแล้วนั้นได้เมื่อไหร่ ความลับก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป

วิธีการป้องกันคลิปหลุดแบบได้ผล 100% นั้นก็คือ


1.
ไม่ถ่าย ยังไงก็ไม่ถ่าย (อาจจะดูเป็นวิธีที่คุณอาจจะคิดว่า ควายก็ตอบได้) แต่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ

2. หากถ่ายไปแล้ว ถ้าเป็นเครื่องโทรศัพท์มือถือของเรา ให้เอาการ์ดเก็บบันทึกข้อมูลออกมาจากโทรศัพท์มือถือครับ แล้วหักทิ้งเลยครับ ปัจจุบันการด์บันทึกข้อมูลในโทรศัพท์มือถือราคาถูกอย่างกับอุจจาระ อย่าไปเสียดายครับ เพราะถ้าคลิปหลุดของคุณหลุดออกไป คุณไม่มีทางย้อนเวลากลับมาแก้ไขอะไรเลยนะครับ

3. หากถ่ายไปแล้ว ถ้าเป็นเครื่องโทรศัพท์มือถือของคนรักของเรา ก็เอามาหักทิ้งเหมือนกัน ถ้า(มัน)ไม่ยอม ก็แอบเอามาหักทิ้งครับ ให้มันรู้ไป เลิกคบกันก็ยังดีกว่าปล่อยให้คลิปหลุดออกไปดีกว่าครับ

ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม

สำหรับท่านที่ทำเวบ eng ถ้าทำเวบไทยต้องเนียนกันนิด อย่าเอาภาษาไทยไปแปะเด็ดขาด

เทคนิคที่ผมจะกล่าวถึงนี้คือที่ squidoo.com

ก่อนอื่นต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน
เวบ squidoo เป็นอีกหนึ่งเวบที่ผู้คนนิยมไปทำเลนส์กัน
ซึ่งจะเป็นลักษณะหน้าเดียวเหมาะกับทำ niche keyword มากๆๆ
เซียนต่างประเทศเอามาเป็นเครื่องมือขายของกันหลายปีก่อน
ร่ำรวยกันไปเยอะทีเดียว แต่วันนี้ฮาเลย์มิได้มาสอนทำเลนส์

แต่เราจะมาหา backlinks จากเลนส์ที่มีหน้า pr สูงๆ กัน
ผมเคยได้หน้า pr 6 มาแล้วนะจะบอกให้
แถมเราสามารถหาเลนส์ที่มีหน้าเนื้อหา relate กับเวบเราได้ด้วย
ซึ่งนั่นเป็นผลดีสำหรับ seo ด้วย (Hilltop)

เราจะใช้ firefox ที่ลง seoquake เพื่อง่ายต่อการหา
เราไปที่ google แล้วเสริชดังนี้

site:www.squidoo.com "0 points" your keywords




นั่นแน่เราได้หน้า pr 3 ล่ะ
มองหาโมดูล และทำตามภาพนี้



ครับง่ายๆ แค่นี้เวบแมวเหมียวผมก็ได้ backlink pr3 แบบ dofollow แล้วครับ


ที่มา : ฮาเลย์ดิวิดชั่น


หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ในปัจจุบันนี้มีเว็บไซต์ที่ได้จดชื่อโดเมนเนมเป็นภาษาไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เล่าสูกันฟัง.com, ไข้หวัดหมู.com ซึ่งวันนี้ก็มีเหตุให้ผมต้องเข้าเว็บไซต์หนึ่งซึ่งเขาจดเป็นชื่อโดยเมนภาษา ไทย เพื่อหาข้อมูลบางอย่าง มีปัญหาที่รู้สึกกวนใจอยู่นิดหนึ่งก็ตรงที่ เวลาที่ผมพิมพ์ชื่อโดเมนภาษาไทยแล้ว ผมมักจะลืมสลับภาษาตอนพิมพ์ .com ทำให้เว็บที่ผมต้องการเข้ามักจะเป็นแบบนี้

ปกติ เกมส์.com

แต่ผมมักจะพิมพ์ เกมส์.แนท

(เอ่อ มาดูเรื่องเกมส์นะครับ ไม่ได้มาดูน้องแนท :lol: )

ก็เลยรู้สึกว่า เอ มันน่าจะมีวิธีที่ง่ายกว่านี้และไม่ทำให้เราต้องมาคอยนั่งสลับภาษาไปมาให้ ยุ่งยาก ก็เลยพบวิธีในการที่เราจะพิมพ์ชื่อโดเมนภาษาไทยแบบง่ายๆ ก็คือ

ในช่องที่ให้เราพืมพ์ชื่อเว็บไซต์นั้น ให้เราพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ภาษาไทยเสร็จแล้วกด Ctrl+Enter ครับ

แค่นั้นเอง! แล้วระบบก็จะพาเราไปยังหน้าเว็บภาษาไทย โดยเป็น ชื่อภาษาไทย.com ครับ

ปล. ถ้าใครใช้ Web browser ของ Firefox ถ้าพิมพ์ ชื่อเว็บไซต์ภาษาไทยเสร็จแล้วกด Shift+Enter จะเป็น ชื่อภาษาไทย.com ครับ

ง่าย ง่าย และง่ายจริงๆ ครับ

ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม


โพสต์หนังสั้นใน YouTube? อาทิตย์ถัดมาได้เป็นผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ด

Fede Alvarez ผู้กำกับหนังสั้นชาวอุรุกวัย ได้โพสต์หนังความยาว 4:48 นาทีลงใน YouTube โดยหนังมีชื่อว่า “Ataque de Panico!” (ชื่อภาษาอังกฤษคือ Panic Attack!) มีเนื้อหาเกี่ยวกับหุ่นยนต์ต่างดาวบุกถล่ม Montevideo เมืองหลวงของประเทศอุรุกวัย

หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างเพียง 300 ดอลลาร์ (10,000 บาท) แต่โปรดักชันอลังการมาก และมีคนดูบน YouTube ไปแล้วว่า 1.6 ล้านครั้ง

Alvarez โพสต์วิดีโอนี้เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว และวันจันทร์ถัดมา เขาก็ได้รับข้อเสนอจากสตูดิโอฮอลลีวู้ดจำนวนมาก ในที่สุดเขาตัดสินใจรับข้อเสนอให้สร้างหนังไซไฟเรื่องใหม่ ทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์ และสปอนเซอร์โดย Sam Raimi ผู้กำกับสไปเดอร์แมน

Alvarez บอกว่า ในเมื่อผู้กำกับต่างชาติอย่างเขาสามารถเกิดได้แค่เพียงอัพโหลดวิดีโอลง YouTube ผู้กำกับสมัครเล่นคนอื่นๆ ก็มีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้เหมือนกัน เอ้า ผู้กำกับไทย สู้เค้า



นี่คือตัวอย่างของ vdo marketing ตั้งแต่ตอนเคสของป้าซูซานแหละ หวังว่าคนไทยคงจะเห็นความสำคัญของ สื่อออนไลน์กันมากขึ้น เพราะคลิปที่มีต้นทุน เพียง 10000 บาท (กำลัง งง เหมือนกัน แล้วไอ้พวกคนในฉากมันไม่เอาค่าตัวกันเลยหรือยังไง ทำไปได้ 10000 บาท จ้างทำเวป ๆ นึงยังแพงกว่าอีก 555) กลับพลิกชีวิตคน ๆ นึงไปสู่ฮอลลีวู้ด ภายในเวลา ไม่ถึงสัปดาห์

สำนักงานบัญชี ตัวแทน คือ สำนักงานบัญชี ที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากรให้สามารถยื่นแบบแสดง รายการภาษีและชำระภาษี หรือดำเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสีย ภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดย สำนักงานบัญชี ดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดตามประกาศกรม สรรพากร เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ การขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการขอออกใบแทนใบอนุญาตเป็น สำนักงานบัญชี ตัวแทนยื่นแบบแสดงรายการภาษีและ ชำระภาษีหรือดำเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกำหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสียภาษี ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ww.rd.go.th ลง วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2546 ซึ่งท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยเข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร เลือกหัวข้ออ้างอิง แล้วเลือกประกาศกรมสรรพากรดังกล่าว


สำหรับ สำนักงานบัญชี ทั่วไป ที่ไม่ใช่ สำนักงานบัญชี ตัวแทนที่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมสรรพากรให้เป็น สำนักงานบัญชี ตัวแทนจะไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษี หรือดำเนินการอื่นใดตามที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดในนามของผู้มีหน้าที่เสีย ภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
www.rd.go.th

และนี่คือข้อแตกต่างระหว่างสอง สำนักงานบัญชี

ที่มา กรมสรรพากร

วันนี้ผมจะสอนการทำแบนเนอร์ลิ้งค์แบบพื้นฐานขนาด 88*31 นะครับ เพื่อทุกท่านจะนำเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ

ภาพตัวอย่าง :

วิธีการทำนะครับ
1.เปิดโปรแกรม photoshop สร้างภาพขนาด Width= 88 px Height=31 px Resolution = 72 px/inch
2.เราก็ตกแต่งภาพตามต้องการนะครับ ตัวอย่าง ผมจะพิมพ์ชื่อเว็บลงไปครับ


3.เรา จะสร้างเลเยอร์ตัวอักษรขึ้นมาใหม่เพื่อนำมาสลับกับอันเดิม ทำให้มันแวปๆ(ภาษาแปลกๆหน่อยครับ) โดยการคลิ๊กขวาที่เลเยอร์ตัวอักษรที่เราพิมพ์ไปในข้อ 2 ครับ (คำว่า SORNDESIGN) แล้วเลือกที่ Duplicate Layer แล้วก็ตั้งชื่อเลเยอร์ เราจะได้เลเยอร์ที่เป็นตัวอักษรเหมือนเดิมครับ (คำว่า SORNDESIGN จะซ้อนทับกัน 2 เลเยอร์)


4. เปลี่ยนสีเลเยอร์ตัวอักษรที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ สำหรับสลับกับสีตัวอักษรเดิม ในที่นี้ผมจะเปลี่ยนเป็นสีเทานะครับ เราจะเห็นภาพที่เลเยอร์ตัวอักษรสร้างใหม่ขึ้นมาอยู่ด้านหน้า (ในที่นี้คือ SORNDESIGN สีเทา)


5. ต่อไปเราจะเปลี่ยนไปใช้โปรแกรม Adobe Image Ready ซึ่งจะมาพร้อมกับ Photoshop โดยคลิ๊กที่ปุ่ม ดังรูปครับ ปุ่มจะอยู่ที่แถบเครื่องมือด้านซ้ายมือปุ่มล่างสุดนะครับ ( Photoshop แต่ละเวอร์ชั่นจะคล้ายๆกันครับ)



6. เมื่อเราเข้าโปรแกรม Adobe Image Ready หน้าตาก็จะคล้าย photoshop เราจะเริ่มด้วยการสร้างภาพที่จะนำมาสลับกับภาพเดิมครับ โดยการคลิ๊กที่ Duplicate Frame ตามรูปครับ


เราจะได้ Frame หมายเลข 2 ที่เหมือนกับหมายเลข 1

ึ7. ให้เราคลิ๊กที่เฟรมหมายเลข 2 (เฟรมนี้ จะเป็นภาพที่สลับกับเฟรมหมายเลข 1) แล้วเราจะเปลี่ยนให้ตัวอักษรเป็นสีดำแทน โดยการคลิ๊ก ที่รูปดวงตาหน้าเลเยอร์ของตัวอักษรสีเทา คลิ๊กเอาดวงตาออกนะครับ


8. คราวนี้เรามาตั้งเวลาการเปลี่ยนเฟรมครับ ถ้าตั้งเวลาน้อย ภาพก็จะเปลี่ยนเร็ว (แวปเร็ว) ผมจะตั้งที่ 0.1 sec นะครับ ตั้งทุกเฟรมเลย ตามรูปครับ



9. ทดลองโดยการคลิ๊กปุ่ม Play ถ้า Ok แล้ว ก็เซฟเป็นไฟล์นามสกุล GIF เลยครับ


การ ประยุกต์ : ส่วนใหญ่เราจะใช้การสลับเลเยอร์ในหลายแบบ เพื่อให้ภาพเคลื่อนไหวที่ออกมาได้หลายแนว (ไม่เฉพาะแวปๆ) หลักการง่ายๆคือการสลับภาพไปเรื่อยๆ ครับ ที่เหลือก็อยู่ที่ศิลปะของแต่ละคนครับ

ที่มา : สอนดีไซน์ดอทคอม

โดยทั่วไปเราสามารถทำนามบัตรได้ จากหลายๆโปรแกรม ทั้งจาก Indesign,Pagemaker,Microsoft word หรือจากโปรแกรมทำนามบัตรสำเร็จรูปใดๆก็ตาม ครับสำหรับวันนี้เราจะมาทำนามบัตรกัน โดยจะใช้ Adobe Photoshop เป็นโปรแกรมในการจัดทำครับ

1.ขั้นแรกก็เปิดโปรแกรม Photoshop ขึ้นมาครับ แล้วสร้างชิ้นงานเปล่าขึ้นมา โดยไปที่เมนู File > New ครับ จะปรากฏไดอะล๊อกให้เรากำหนดขนาดของชิ้นงานครับ สำหรับ ตัวอย่างจะกำหนดขนาดนามบัตรที่ 5.5cm x 9cm (ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นขนาดมาตรฐานที่สุดครับ ท่านสามารถกำหนดขนาดตามใจท่านได้น่ะครับ) สำหรับความละเอียด Resolution ในงานการพิมพ์เราจะกำหนดที่ประมาณ 150-300 pixels/inch ครับ (ในตัวอย่างกำหนดที่ 300 ครับ นั่นหมายความว่ารูปที่จะนำมาประกอบนามบัตรต้องมีความละเอียดสูงด้วยครับ) เสร็จแล้วกด OK


2. ขั้นต่อไปเราก็มาตกแต่งนามบัตรของเรากันครับ ในที่นี้ผมจะสอนตกแต่งแบบพื้นฐานๆน่ะครับ โดยอาจจะใส่สีส่วนบนของนามบัตรก่อนครับ จะเลือกเป็นกี่สีอันนี้แล้วแต่ความต้องการเลยครับ ให้ไปที่ Rectangular marquee tool(ปุ่มสี่เหลี่ยมที่เป็นเส้นประ อยู่อันแรกเลยครับ)� จากนั้นมาลากบนชิ้นงานตามขนาดที่เราจะเทสีไปครับ โดยคลิ๊กเม้าค้างแล้วลากน่ะครับ


ต่อ ไปในช่อง layer ให้เราสร้าง layer ใหม่ขึ้นมาน่ะครับ ตั้งชื่อว่า bar1(โดยดับเบิลคลิ๊กที่เลเยอร์นั้น 2 ครั้ง) จากนั้นคลิ๊กบนเลเยอร์เพื่อให้เลเยอร์นั้น เพื่อให้เราทำงานบนเลเยอร์นั้น


เทสีลงไปในกรอบสี่เหลี่มเส้นประที่ได้วาดไว้ครับ โดยกดที่ปุ่มถังสี แล้วเลือกสีบน foreground ครับ


3.คราวนี้ก็ตกแต่งรายละเอียดเลยครับ โดยอาจจะใส่โลโก้ของท่าน และชื่อบริษัทลงไปบนแถบบนน่ะครับ
การ แทรกรูปโลโก้ให้เราไปไปเมนู File > Open แล้วเปิดโลโก้ขึ้นมาครับ จากนั้นก็ลากมาบนชิ้นงานนามบัตรเลยครับ� และใช้เครื่องมือ Type tool (ปุ่มตัว T )เพื่อพิมพ์ตัวอักษรลงไป โดยการคลิ๊กที่ปุ่ม แล้วไปคลิ๊กบนชิ้นงานครับ


4.ขั้น ต่อไปเรามาตกแต่งพื้นที่ว่างซักนิด (ให้ดูรกๆหน่อยครับ อิอิ) โดยการหาภาพมาไว้ที่พื้นหลังของนามบัตรครับ เมื่อนำภาพเข้ามาบนชิ้นงานแล้ว ก็คลิ๊กที่เลเยอร์ของภาพ จากนั้นลดค่าความเข้มของภาพลงครับที่ Optical ให้เหลือตามความต้องการของท่านครับ


5.จากนั้นก็ใส่รายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่านลงไปในนามบัตรเลยครับ


6.เมื่อ ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย ก็ให้เซฟงานนามบัตร แล้วก็ปิดไปเลย รอเรียกใช้ใหม่ครับ โดยไปที่ เมนู File > save ตั้งชื่อไฟล์ แล้วเลือกเป็นนามสกุล .JPEG ครับ

7. ขั้นต่อไปเป็นการจัดนามบัตรในกระดาษ 1 แผ่นครับ เป็นขนาด A4 น่ะครับ โดยสร้างชิ้นงานเปล่าใหม่ขึ้นมา ตั้งค่าตามตัวอย่างครับ แล้วกด Ok จะได้กระดาษ A4 เปล่าๆขึ้นมาครับ


8. ให้เราเปิดไฟล์นามบัตรที่ทำไว้ขึ้นมาครับ จากนั้นลากนามบัตรของเราลงไปในชิ้นงานกระดาษ A4 ครับ


9.ไป ที่ชิ้นงานกระดาษ A4 เราจะทำการคัดลอกนามบัตรของเราเพื่อจัดเรียงเป็น 10 ชิ้นครับ โดยการลากเลเยอร์ของนามบัตรไปทับที่ปุ่ม ที่เป็นรูปกระดาษพับมุม จะได้นามบัตรมาอีกอันทับอันเดิมอยู่ครับ เราก็ลากออกมาจัดเลยครับ


ทำไปเรื่อยๆ จนเต็มหน้าครับ หากใครใช้ขนาดนามบัตรเล็กกว่านี้ก็จะได้มากชิ้นกว่าครับ


10. แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ ให้เราเซฟเป็นไฟล์ภาพ .JPEG เหมือนเดิมเลยครับ จะเอาไปให้ร้านพิมพ์หรือพิมพ์เองก็ได้เลยครับ สำหรับเครื่องหมายแนวตัดให้ดูที่หมายเหตุ้านล่างน่ะครับ

การทำตัวอักษร 3 มิติ เรามาเริ่มกันเลยครับ

วิธีทำนะครับ

1.​เปิดโปรแกรม​ photoshop ​สร้างการะดาษขนาด​ตามต้องการนะครับ (ในตัวอย่างขนาด 400*200 ครับ)
2.พิมพ์ ตัวอักษรหรือข้อความที่ท่านต้องการทำตัวอักษร 3 มิติ ลงบนแผ่นงาน (พิมพ์ตัวอักษร ใช้ Type Tool) โดยผมจะพิมพ์คำว่า SORNDESIGN นะครับ เลื่อนให้ตัวอักษรอยู่แนวเอียงดังตัวอย่างครับ



4. เราจะทำให้ตัวอักษรมีมิติโดนทำให้ตัวอักษรเอียง โดยไปที่เมนู EDIT >> Free TransForm แล้วกด CTRL ค้างไว้ ใช้เม้าส์เลื่อนตามมุมของตัวอักษร (สี่เหลี่ยมเล็กๆ ให้ได้เป็นมิติตามต้องการ) เมื่อได้แล้วก็กด Enter



5. คราวนี้เรามาทำให้ตัวอักษรเป็น 3 มิติกัน โดยคลิ๊กที่ Layer ของตัวอักษร แล้วกด CTRL+ALT ค้างไว้ จากนั้นกดลูกศรชี้ขึ้นบนคีย์บอร์ด จะเห็นว่าเมื่อกด 1 ครั้ง ตัวอักษรจะหนาขึ้นมา 1px ตรงนี้เราจะกดกี่ครั้งก็ได้ตามต้องการที่ท่านจะให้ตัวอักษรของท่านมีความหนา มากน้อยเพียงไร



6. จะเห็นว่าตัวอักษรเราเป็น 3 มิติแล้วนะครับ คราวนี้ก็ถึงการแสดงฝีมือละครับอาจจะตกแต่งเลเยอร์บนสุดให้ดูตัวอักษรได้ ชัดเจนขึ้น หรือทำเงาตามสบายท่านครับ อิอิ นี่เป็นเพียงแค่พื้นฐานครับ ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ทำแบบต่างๆได้ตามต้องการครับ


ที่มา : สอนดีไซน์ดอทคอม

1.ขั้นแรก ให้เราสร้างไฟล์งานเปล่าขึ้นมาครับ (File > New) ความกว้างยาวแล้วแต่ท่านเลยครับ กำหนดพื้นหลังเป็นสีขาวครับ

2. ขั้นต่อมา เราจะมาสร้างรูปหัวใจกันครับ โดยใช้เครื่องมือ Custom shape tool (ดูในรูปนะครับ) แล้วทำการเลือกรูปหัวใจที่แถบเมนูด้านบน (Shape)


3. ทำการวาดรูปหัวใจลงบนพื้นที่งาน โดยการคลิ๊กค้างไว้แล้วลากตามขนาดต้องการ (หากต้องการให้รูปหัวใจมีสัดส่วนสมดุลตามแบบ ให้ทำการกด Shift ค้างไว้ด้วยเวลาลากรูปหัวใจ)


4. เมื่อได้รูปหัวใจแล้ว ให้เราไปที่เมนูด้านบน Layer > Rasterize > Shape เมื่อกดแล้ว จะทำให้รูปหัวใจที่เป็นแบบ Shape กลายเป็น แบบ Vector ธรรมดา สังเกตดูได้จากที่เลเยอร์ของรูปหัวใจด้านหลังจะเป็นลายหมากรุก

5. เราจะทำการสร้างลายในหัวใจกันครับ โดยการกด Type tool (ปุ่มรูปตัว T สำหรับพิมพ์อักษร) แล้วทำการพิมพ์ตัว S ลงไปบนพื้นงาน ขยายขนาดของตัว S ให้ใหญ่ ดังรูปครับ (สำหรับแบบอักษร ให้ใช้ตามสบายเลยครับ บทความนี้เป็นแค่แนวทางน่ะครับ)


6. จากนั้นให้เรากด Ctrl ค้างไว้ แล้วไปคลิ๊กบนเลเยอร์ของตัว S จะได้เส้นประรอบตัว S มาครับ แล้วให้คลิ๊กเพื่อเอาเครื่องหมายรูปดวงตาหน้าเลเยอร์ของตัว S ออกครับ


7. จากนั้นให้ไปคลิ๊กที่เลเยอร์ของรูปหัวใจครับ แล้วทำการกดปุ่ม Del. จะทำให้ส่วนที่เป็นเส้นประหายไปครับ


8. ต่อมาเราก็มาสร้างลายอีกด้านครับ โดยใช้ Custom shape tool โดยเลือกเป็นรูปวงกลมครับ แล้วมาวาดบนพื้นงาน แล้วทำการตัดส่วนนั้นออกครับ (ส่วนนี้อธิบายแบบลัดๆครับ เพราะใช้วิธีเดียวกับตอนตัดตัว S ครับ)


9. ข้อนี้ก็เช่นเดียวกันกับข้อข้างต้นครับ แต่เลือกเป็นรูปลูกศรวิธีการทำก็เหมือนกันครับ (หัวลูกศรแบบในรูป ปกติจะมีวงกลมล้อมรอบด้วยให้ทำการ Rasterize เหมือนในข้อ 4 แล้วทำการลบกรอบวงกลมออกครับ ส่วนนี้ถ้าสงสัยโพสสอบถามได้ครับในบอร์ด)



10. เท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ ที่เหลือก็นำไปตกแต่งครับใส่ Effect หรือทำอย่างไรก็ได้ตามถนัดครับ

ที่มา : สอนดีไซน์ดอทคอม


ทางเราเป็นผู้ให้บริการรับซื้อเศษเหล็กและเหล็กใช้งานทุกประเภท ที่มีประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งเราดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อตรงต่อลูกค้ามาตลอดระยะเวลาที่ดำเนินธุรกิจ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำต่างๆ เสมอมา รีบติดต่อเราวันนี้เพื่อพบกับ "บริการซื้อ - ขายเศษเหล็ก" ที่จะทำให้ท่านประทับใจในบริการของเรา

รับ ซื้อ เศษเหล็ก , ขาย เศษเหล็ก และ เหล็กใช้งาน ทุกประเภท , เศษเหล็กเหลือใช้ , เหล็กตัดทั่วไป , โครงเหล็กอาคาร , เศษเหล็กก่อสร้าง , เหล็กโรงงาน

เรามีบริการรับซื้อเศษเหล็กประเภทต่างๆ ด้วยทีมงานมืออาชีพที่จะช่วยให้การขายเศษเหล็กของท่านเป็นเรื่องง่ายๆ และสะดวกรวดเร็ว จากทีมงานมืออาชีพ ที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ อันทันสมัย ซึ่งเรารับซื้อเศษเหล็ก ในรูปแบบต่างๆ เช่น

-> เศษเหล็กเหลือใช้
-> เหล็กตัดทั่วไป
-> โครงเหล็กอาคาร
-> เศษเหล็กก่อสร้าง
-> เหล็กโรงงาน
-> ฯลฯ

เรา มีรถและเครื่องมือเครื่องจักรอันทันสมัยที่จะช่วยขนถ่ายเศษเหล็ก หรือรื้อถอนโครงเหล็กอาคารต่างๆ ให้กับท่าน เมื่อท่านมีเศษเหล็กประเภทต่างๆ และกำลังมองหาผู้ให้บริการรับซื้อเศษเหล็กที่น่าเชื่อถือ และสามารถไว้วางใจในบริการได้เต็มที่ อย่าลืมนึกถึงเรา

0-8-6-8-8-6-3-5-6-5 แจ็ค
หรือส่ง รายละเอียด มาที่ Jackpot_vk <> hotmail.com


















Newer Posts Older Posts Home