A Blogger by Beamcool

บล็อค ที่รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ การตลาด seo และ วิธีการ หาเงิน บน อินเตอร์เน็ต เทคนิคในการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต ( เราหมายถึงการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต จริง ๆ ที่ไม่ใช่การชวนเข้า mlm แต่อย่างใดครับ) รวมถึง บริการออนไลน์ ออฟไลน์ ต่าง ๆ ในเครือ Wittybuzz ไว้ด้วยกัน ใครที่เยี่ยมชมนี้ด้วย Internet Explorer แนะนำให้ดาวโหลด Firefox มาใช้จะดีกว่าครับ นอกจากลูกเล่นจะมีเยอะกว่า ยังมีเครื่องมือที่สนับสนุน SEO อีกด้วยครับ

เริ่มใช้ได้แล้ว Google Music Search ฟีเจอร์ล่าสุดของ Google สำหรับคนรักเสียงเพลงสามารถค้นหาเพลง อัลบั้ม ชื่อศิลปิน จาก หน้า Search ปกติของ Google ซึ่งคุณสามารถค้นหาชื่อเพลง ศิลปิน หรืออัลบั้ม ได้โดยพิมพ์ เนื้อร้องบางส่วน ท่อนฮุค ผลค้นหาจะก็ปรากฏ ชื่อเพลง ชื่อศิลปิน พร้อมทั้งปุ่ม play ที่ให้คุณทดลองฟังกันได้ทันที รวมทั้งลิงก์ที่จะไปสู่การซื้อเพลงนั้นๆ อีกด้วย

Google ได้ทำการปล่อยฟีเจอร์นี้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 โดยคุณสมบัติใหม่นี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Google เว็บไซต์ฟังเพลงอย่าง MySpace, Rhapsody,Pandora, iMeem, and LaLa และค่ายเพลง EMI, Sony Music, Universal Music Group และ Warner Bros. Records

อย่างไรก็ตาม ในGoogle Official Blog ได้กล่าวว่า คุณสมบัตินี้ยังใช้ได้แต่ใน อเมริกา เท่านั้นในระยะแรก ซึ่งจะมีการพัฒนาให้ผลค้นหาเพลงดียิ่งขึ้น

จะเห็นว่า นี่ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งของ Google ที่จะใช้ เพลงเป็นสื่อในการสร้างมูลค่าแก่ธุรกิจ สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้คือรายได้จากโฆษณาของผลค้นหาใน Google Music Search รวมทั้งผลกำไรจากการขายเพลงโดยใช้ Google เป็นประตูนำไปสู่การซื้อขายเพลง ที่ผมคาดการณ์ไว้ไม่ได้หมายความว่า Google จะโดดลงมาเปิดร้านขายเพลง Online หรอกนะครับ แต่ใช้เป็น Gateway ที่เพื่อเพิ่มช่องทางการขายโฆษณาของ Google และช่องการขายเพลงให้กับเหล่าค่ายเพลงและMusic Partner ของ google เพราะภาระกิจสำคัญของ google ไม่ใช้ การขายเพลง หรือ ขายหนังสือ แต่คือ

”To organize the world’s information and make it universally accessible and useful.”



ที่มา : google official blog

Twitter (ผมเรียกมันเป็น ” internet SMS ” )ในยุคแรกๆ นั้น Tweeple(คนใช้ Twitter) ใช้มันเป็นเหมือนเครื่องมือจดบันทึกเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น แต่ปัจจุบัน Twitter ถูกใช้ไปเพื่อสนองว้ตถุประสงค์มากมาย ทั้งการพูดคุย การส่งข่าว ทางการเมือง ฯลฯ แต่แน่ล่ะ นักการตลาดทั้งหลายก็ไม่ควรพลาดโอกาสในการใช้ twitter เพื่อผลทางการตลาดของตนเอง แล้วเสียงนกจิ๊บจั๊บบนโลกออนไลน์มันช่วยทำการตลาดบนออนไลน์อย่างไรบ้าง

  1. หากคุณอยากป่าวร้องบอกสาวกของคุณว่า คุณมีเรื่องราว บทความใหม่ๆ ในเว็บหรือบล็อกของคุณที่คิดว่าที่เป็นประโยชกับสาวกเพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้า เว็บหรือบล็อกของคุณ เพียงแต่ใส่ทวิตให้น่าสนใจ ใส่ link ลงไปใน twitter ของคุณ
  2. ไปเป็นสาวกกับ Tweeple คนอื่นๆบ้าง แต่เลือกที่จะช่วยคุณหา idea ใหม่ๆ หรือ strategy ในการทำการตลาดใหม่ๆ เช่นพวก Blog หรือ website ที่เกี่ยวข้องกับการงานของคุณ เท่านี้ คุณจะได้ idea เด็ดๆมาช่วยในการทำการตลาดของคุณแล้ว
  3. หาลูกค้าใหม่จาก twitter เพียงคุณเข้าไปที่ search.twitter.com แล้ว ใส่ keyword ที่เกี่ยวข้องกับ สินค้าหรือบริการของคุณ twitter ก็จะแสดงผลค้นหา tweeple ที่สนใจหรือพูดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เช่นหากคุณขาย กระเบื้อง ก็คีย์คำว่า กระเบื้อง ลงไป มันก็จะแสดงผลของ twit ที่พูดถึงกระเบื้อง แต่บาง twit อาจมี URL อยู่ใน Twit นั้น คุณก็ใส่เครื่องหมาย ลบและตามด้วย http เช่น -http กระเบื้อง ผลค้นหาก็จะแสดง twit ที่พูดถึง กระเบื้อง ที่ไม่มีการใส่ URL มาให้เราดู แล้วคุณก็เลือก Tweeple ที่น่าจะสนใจซื้อกระเบื้องของเรา และก็ทำการ reply หรือ DM กลับไปซะ ก็ได้คนที่น่าจะเป็นลูกค้าในอนาคตแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องกรองจนแน่ใจว่า เค้าเป็นคนที่น่าจะใช่ ไม่งั้น การ RT หรือ DM อาจกลายเป็น Spam ไปก็ได้ครับ
  4. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างรายชื่อ email โดยการค้นหา tweeple ที่สนใจรับ ข่าวสารทาง email แล้วทำการเชื้อเชิญไม่ว่าจะโดยการ DM หรือ การ Twit ถึงคนๆนั้น โดยมีข้อแม้ว่าเค้าต้องมีความสนใจในเรื่องที่เราจะส่งให้ อันนี้ต้องกรองดูซักหน่อย ก่อนทำการเชื้อเชิญนะครับ(อาจจะดู spam ไปซักหน่อยครับ)
  5. ใช้ Twit Add-On หรือ Plugins ในการช่วย twit บทความใน blog ของคุณและยังสามารถตรวจสอบได้ว่ามีคนบอกต่อหรือ retwit เรื่องที่คุณไปกี่คนแล้ว โดย Plugins พวกนี้จะช่วยให้เรา twit บทความของเราเพียงคุณ กดปุ่ม เพื่อทำการ twit มันก็จะช่วย อัพเดท ใน twitter ของเราทันที Plugins ที่ว่าก็เช่น TweetMyBlog ฯลฯ
  6. ใช้สร้าง Buzz หรือ Viral เพื่อให้สาวก หรือ follower บอกต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ช่วยกระจายข้อมูลสินค้า หรือ เว็บไซต์ใหม่ของคุณ
  7. ใช้ Twitter ในการนำเสนอ brand ของคุณออกไป เพราะลูกค้าในอนาคตอาจกำลังอยากรู้จักคุณมากขึ้น โดย Twit นั้นๆจะต้องสื่อ Brand personality ของธุรกิจของคุณ
  8. ใช้เป็นเครื่องมืออัพเดทข่าวสารทันใจ ในกรณีที่คุณกำลังจัดสัมมนา คุณก็ทำการ twit กิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้น ณ ขณะนั้นเพื่อให้ได้บรรยากาศ reality show เป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับข่าวการสัมมนา หรือ post ลิ๊งก์ที่เป็นข่าวอ้างอิงถึงบริษัทหรือสินค้าของคุณ ก็ทำให้ลูกค้าหรือแฟนพันธุ์แท้ของคุณได้ข่าวสารแบบทันใจครับ
  9. สร้างกลุ่มหรือเครือข่ายแวดวงธุรกิจของตนเอง โดยเจาะกลุ่มไปที่กลุ่มที่มีความเป็น Influence สูงในแวดวงธุรกิจของเรา เช่น หากคุณขาย มือถือระดับไฮเอนด์ ต้องการกลุ่ม Celebrity ในการโปรโมท คุณก็พลาดไม่ได้ที่จะเชื้อเชิญคนเหล่านั้นมาอยู่ในรายชื่อสาวก follower ของคุณและทำให้เค้าเหล่านั้นพูดถึงมือถือให้ได้เพื่อสร้างแรงบอกต่อ ออกไป
  10. ใช้เป็นเครื่องมือ Chat หรือ สื่อสารแบบ Instant Messaging เพื่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมในกรณีที่สมาชิกในทีมอยู่ไกลกัน หรืออยู่ต่างประเทศ


ที่มา : blog.silex.co.in

การทำโฆษณาใน twitter ทำได้อย่างไรบ้าง เป็นคำถามที่เจ้าของ twitter หลายท่านคงเคยแอบคิดไว้ในใจ ว่าจะมีวันไหนที่ twitter account ของตัวเองจะมีรายได้จากการโฆษณาได้

โดย ในแวดวงโฆษณาออนไลน์ ผู้ซื้อโฆษณามักจะอิงกับตัวเลข ว่าเว็บไหนมีคนเยอะ แล้วก็จะแห่กันไปซื้อ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ twitter ในไทย ยังดูคลุมเครือ และยังไม่มีสถิติไหนที่บอกว่า จำนวนผู้ใช้ twitter คนไทยมีจำนวนกี่คนอย่างเป็นทางการ ทำให้การโฆษณาใน twitter ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่ในที่สุด เราก็ได้เห็นโฆษณาบน twitter ในประเทศไทยแล้ว

เมื่อวันที่คุณสุทธิชัย หยุ่น ได้ทำการสัมภาษณ์ นายกอภิสิทธิ์ ผ่าน twitter และออกทีวีทางช่อง 9 ในรายการข่าวข้น คนข่าว นั้น สิ่งที่ผมเห็นก็คือมี sponsor มาสนับสนุน twitter account ของคุณสุทธิชัย หยุ่น โดยมีการใส่ logo ของสินค้าลงไปในรูปภาพแบ็คกราวน์ของ twitter account นั่นเอง

สินค้าทีว่าก็คือ สายการบินนกแอร์ ซึ่งผมเองสังเกตุเห็นว่า โฆษณาโผล่มาอยู่แป๊บเดียว อาจจะอยู่ไม่กี่นาที เมื่อการสัมภาษณ์เริ่มต้นไปได้สักพัก ผมพบว่า รูปภาพแบ็คกราวน์ที่มีโลโก้ สายการบินนกแอร์นั้น ได้หายไป และกลายเป็นภาพแบ็คกราวน์ปกติ ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรเหมือนกันครับ

แต่สิ่งที่เห็น เราพบว่าการโฆษณา สามารถทำกับ twitter ได้ด้วย โดยสามารถสร้างรายได้จาก twitter account ของตัวเองนั่นเองครับ

ที่มา : เก่งดอทคอม


เมื่อเราเข้าไปใช้งาน facebook บางครั้งจะเห็นเพื่อนเราบางคน ที่มีการอัพเดทสถานะล่าสุดของตน อยู่ตลอดเวลา ผมได้มีโอกาสคุยกับหลาย ๆ คน พบว่าบางคนก็ไม่ค่อยชอบที่เพื่อนเราอัพเดทบ่อยเกินไป ซึ่งคนที่เล่นทั้ง twitter และ facebook มักจะเชื่อมข้อมูลจาก twitter ไปยัง facebook ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดอาการที่สถานะใน facebook จะอัพเดทบ่อยมาก

ผมเองหลังจากที่ได้ฟังความมาจากท่านผู้อ่านที่ตามอ่านเราอยู่ ก็เลยไปมองหาตัว application ที่จะมาช่วยทำให้การเชื่อมข้อมูลจาก twitter สู่ facebook ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จนได้มาพบกับ application ใน facebook ที่ชื่อ Selective Twitter Status เข้าจนได้

เมื่อได้ลองใช้ ก็พบว่า application ตัวนี้ ค่อนข้างทำงานได้ผลที่ดีทีเดียว ช่วยลดการอัพเดทสถานะที่ผมอัพเดทจาก twitter ให้คัดกรองเอาเฉพาะสิ่งที่ผมอยากใส่ใน facebook ได้ดีขึ้น นั่นหมายถึงว่าเราสามารถกำหนดทิศทางของข้อมูลใน facebook ให้เกิดประสิทธิภาพทางการตลาดได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ซึ่ง เมื่อได้ลองติดตั้งตัว application นี้แล้ว จะพบว่าเราสามารถเลือกได้ว่า จะให้อัพเดทไปที่ profile หรือว่า อัพเดทไปที่ fan page หรืออยากจะอัพเดทไปที่ทั้งสองแบบก็ได้ รูปตัวอย่างทางด้านซ้ายมือนี้ เป็นตัวอย่างของผมเอง ที่จะเชื่อม twitter @kengdotcom เข้ากับ facebook ของผมนั่นเอง โดยตัว application จะมีช่องให้กรอกชื่อ twitter account ของเราสำหรับอัพเดทหน้า profile

นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถอัพเดทหน้า fan page ได้ด้วย ซึ่งหากเรามี fan page หลายหน้า สามารถเลือกได้เลยว่า จะให้ twitter account ไหน ได้อีกด้วย เท่านี้เราก็สามารถจัดการกับข้อมูลใน facebook แบบมี twitter เป็นตัวช่วยอย่างมีประสิทธิภาพแล้วครับ

หลังจากนี้ เวลาเราจะ tweet ใน twitter เราก็ใส่แค่ tag ง่าย ๆ ว่า #fb ในข้อความที่เรา tweet จะเป็นการกำหนดว่าบทความนี้ จะเอาไปใส่ใน facebook ด้วยแบบตัวอย่างด้านล่างนะครับ

เมื่อเราอัพเดทจาก twitter ด้วย tag ว่า #fb แล้ว ข้อความก็จะไปโผล่ไปที่ facebook ครับ

ที่มา : เก่งดอทคอม


twitter เป็นอีกเครื่องมือการตลาดอีกอย่างหนึ่ง ที่มาแรงมากในยุคนี้ ดังนั้นเราจะเห็นว่าหลาย ๆ คนไปเริ่มเล่น twitter กันแล้ว คนไทยก็เริ่มใช้กันเยอะ แต่คนทั่วโลกใช้เยอะกว่า แต่ก็ช่างมันเถอะครับ คนจะใช้เยอะใช้น้อย ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเรา เพราะหัวข้อวันนี้คือ ถ้าเราจะต้องการทำการตลาดใน twitter เราควรเตรียมตัว หรือเตรียม twitter account ของเราอย่างไร ให้พร้อมสำหรับการทำการตลาดนั่นเอง ผมขอเริ่มเป็นข้อ ๆ ไปเลยนะครับ

  1. ใส่ url ของเว็บเราไว้ใน profile – twitter เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับให้เราใส่ชื่อเว็บไซต์ของเราได้ ดังนั้นหากคุณมีเว็บไซต์ ก็มิควรเพิกเฉยต่อการใส่ url เข้าไปนะครับ
  2. กรอกประวัติ (bio) ให้เรียบร้อย – ด้วยความที่ twitter ไม่ได้มีพื้นที่จำนวนมากให้เราได้อธิบายตัวตน ดังนั้นการกรอกประวัติของเราไว้ในช่อง bio ก็จะทำให้คนที่มาอ่าน twitter ของเรารู้จักเราได้เร็วขึ้น เปรียบเสมือนเป็นหน้า about us ของเว็บนั่นเอง
  3. ระบุสถานที่อยู่ – ให้เราระบุ location ของเราไว้ด้วย เช่นอยู่กรุงเทพ หรือจังหวัดไหน หรือประเทศไหน คนอ่านจะได้รู้ว่าพื้นเพเราเป็นอย่างไร ข้อมูลที่เรา tweet บ่อย ๆ จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ของอย่างนี้ การระบุสถานที่ location จะทำให้คนอ่านตีความได้ดีขึ้น
  4. ไป follow คนอื่นบ้าง – หากต้องการใช้ twitter มาเป็นเครื่องมือการตลาด แต่ถ้าไม่ได้ไป follow คนอื่นเลย ถือว่าเป็นความผิดพลาดขั้นร้ายแรงเลยทีเดียว เพราะนั่นจะเป็นการปิดโอกาสที่คนอื่น จะมารู้จัก twitter ของคุณนั่นเอง
  5. เขียน Tweet ซะบ้าง – แน่นอนว่า การอัพเดทเนื้อหาบ่อย ๆจะทำให้คนอยากติดตาม ใน twitter ก็เช่นกัน หากไม่ tweet หรือมาเขียนใน twitter บ้างเลย ใครจะมาอ่านของคุณครับ

หลังจากทำ 5 ข้อนี้แล้ว ก็รอดูเวลาครับ เพราะเราก็ต้องรอลุ้นในมีคนมาตาม follow twitter ของเราบ้างแล้ว ใครที่ต้องการเริ่มทำ twitter marketing ก็ลองเช็คดูว่าคุณได้ทำ 5 ข้อข้างบนแล้วหรือยัง

ที่มา : เก่งดอทคอม


ปรากฎการณ์ที่ twitter ได้รับความนิยมอย่างมากมายในสหรัฐอเมริกา นั้นเกิดจากกลุ่มผู้ใช้ที่เป็น technology geek หรือพวกผู้ใช้ระดับสูงที่คุ้นเคยกับการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมากมาก่อน แต่ twitter เองก็มาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นกับคนในวงกว้าง เมื่อดาราดังจาก Hollywood อย่าง แอชตั้น คุชเชอร์ หันมาใช้ twitter เพื่ออัพเดทเรื่องราวส่วนตัว และยิ่งไปกว่านั้น แอชตั้นได้ท้าแข่งกับ CNN ว่า twitter ของเค้า กับของ CNN ใครจะมีคนตามอ่าน (follower) ถึงหนึ่งล้านคนก่อนกัน ซึ่งครั้งนั้นปรากฎว่า twitter ของแอชตั้น คุชเชอร์ ได้ครบ 1 ล้านคนก่อน ทำให้ CNN แพ้ไปตามระเบียน แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้คนทั่วไป รู้จัก twitter มากขึ้นเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ Oprah Windfrey พิธีกรชื่อดังชาวสหรัฐฯ อยากเล่น twitter ขึ้นมาบ้าง จึงเชิญคนมาสอนให้ตนเองใช้ twitter ในรายการ Oprah ของตนเอง ทำให้คนทั่วไปยิ่งรู้จัก twitter มากขึ้นไปอีก ทำให้เกิดกระแสแรงขึ้นมา เพราะสื่อกระแสหลักอย่าง TV หนังสือพิมพ์ วิทยุ กระพือข่าวนี้ขึ้นมา

และในไทยเอง น่าจะเป็นเหตุการณ์ในรูปแบบคล้าย ๆ กัน เมื่อนักการเมืองไทย หันมาใช้ twitter กันอย่างมากมาย ไล่ตั้งแต่ฝั่งรัฐบาล นำโดยคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาลก็ใช้กันหลายคน รวมไปถึงฝั่งคุณทักษิณ ชินวัตรเอง ก็มี twitter ของตัวเอง เมื่อบุคคลสำคัญทางการเมือง ต่อสู้กันด้วย twitter ทำให้หลีกเลี่ยงการเป็นข่าวไม่ได้ ทำให้สื่ออย่าง TV หนังสือพิมพ์ และวิทยุ ในไทย ก็ย่อมต้องตีข่าวกันให้ควั่ก ดังนั้น ให้เรามาดูกันว่า twitter ในไทย จะตามรอยสหรัฐอเมริกา โดยดังเพราะบุคคลสำคัญมาใช้บริการหรือไม่ คอยดูกันครับ

ที่มา : เก่งดอทคอม


ทุกวันนี้เราสามารถอัพเดท Twitter ของเราได้ตลอดเวลาผ่านเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เช่นมือถือ ดังนั้นความสะดวกอย่างนี้ จะสามารถทำให้เราอัพเดทข้อมูล ได้จากสถานที่ ที่เราไม่ได้มีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ด้วย นั่นหมายถึงแทบจะตลอดเวลาเลยทีเดียว ที่เราอยู่กับโทรศัพท์มือถือ แล้วเราควรอัพเดทอะไรใน twitter ดีล่ะ ผมมีไอเดียมาฝากกันครับ

  1. เรากำลังทำอะไรอยู่ ข้อนี้เป็นวัตถุประสงค์หลักของ twitter เลยทีเดียว ที่ให้เราสามารถอัพเดทว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ได้ สำหรับในมุม marketing แล้ว การอัพเดทว่าเรากำลังจะทำอะไรอยู่ใน twitter จะเป็นการเพิ่มความเป็นกันเองให้กับผู้ตามอ่าน twitter ของเราได้
  2. ถามคำถาม ผมเคยถามคำถามเข้าไปใน twitter ของตัวเองขณะที่กำลังไปเที่ยวต่างจังหวัด ว่าจะกินอะไรในจังหวัดนั้นดี มีร้านไหนเด็ด ปรากฎว่ามีเพื่อนๆ มาตอบกันเต็มเลย ดังนั้นการถามคำถามเข้าไปใน community ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเชื้อเชิญให้คนเกิดการมีส่วนร่วมนั่นเอง
  3. แสดงความคิดเห็นส่วนตัว twitter ก็คล้าย ๆ กับ blog เพียงแค่ใส่ข้อมูลได้สั้นกว่านั่นเอง ดังนั้นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็เป็นอีกมุมหนึ่งในการมาเขียนใน twitter ครับ แน่นอนว่าคนทุกคนก็มีมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป จริงไหมครับ
  4. เล่าบรรยากาศการประชุมสัมมนาต่าง ๆ เวลาเราไปร่วมฟังบรรยายหรือสัมมนาต่าง ๆ เราสามารถที่จะ tweet ประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้บรรยายได้บรรยายให้เราฟังได้ การทำแบบนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสในผู้ที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมฟังบรรยาย ได้รู้ด้วยว่าในการบรรยายนั้นมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง
  5. ประกาศข่าวต่าง ๆ twitter เองก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สามารถประกาศข่าวสารต่าง ๆ ได้ ดังนั้นใช้ twitter ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์ครับ
  6. ใช้สื่อสารและสร้างสัมพันธ์กับคนอื่น twitter ให้คุณได้เขียน และให้คุณได้อ่าน แต่ยังมีอีกมุมหนึ่งก็คือ ให้คุณได้มีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ นั่นคือแทนที่คุณจะเขียนหรือ tweet อย่างเดียว ก็ให้ไปตอบ comment หรือไปตอบในเรื่องที่คนอื่น tweet ไว้บ้าง จะทำให้คุณมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : เก่งดอทคอม


ทวิตเตอร์ (Twitter) คือเว็บไซต์ที่ให้บริการ blog สั้น หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Micro-Blog ซึ่งสามารถให้ผู้ใช้ส่งข้อความของตนเอง ให้เพื่อน ๆ ที่ติดตาม twitter ของเราอยู่อ่านได้ และเราเองก็สามารถอ่านข้อความของเพื่อน หรือคนที่เราติดตามเค้าอยู่ได้ ซึ่ง twitter ก็ถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ประเภท social Media ด้วยเช่นกัน

ในรูปแบบของ twitter นี้ ที่เรียกว่าเป็น blog สั้นก็เพราะว่า twitter ให้เขียนข้อความได้ครั้งละไม่เกิน 140 ตัวอักษร ซึ่งข้อความนี้เมื่อเขียนแล้วจะไปแสดงอยู่ในหน้า profile ของผู้เขียนนั่นเอง และจะทำการส่งข้อความนี้ไปยังสมาชิกที่ติดตามผู้เขียนคนนั้นอยู่ (follower) โดยอัตโนมัติ

สาเหตุสำคัญที่ twitter นั้นฮิตไปทั่วโลก ก็เพราะว่ามีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้ผู้เขียน สามารถอัพเดทหรือเขียนข้อความ (Tweet) จากที่ไหนก็ได้ ตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ บนโปรแกรมที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งบนโทรศัพท์มือถือ จึงทำให้ผู้เขียน twitter นั้นสามารถอัพเดทได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

ที่มา : เก่งดอทคอม


กูเกิลเปิดตัวคุณสมบัติสืบค้นข้อมูลใหม่ล่าสุด ใช้ชื่อบริการว่า Social Search ความสามารถหลักคือการสืบค้นข้อความที่เหล่ากลุ่มเพื่อนหรือรายชื่อผู้ติดต่อ ในเครือข่ายสังคมพิมพ์เผยแพร่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มั่นใจเป็นประโยชน์กับชาวไอทีมหาศาล

ฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในผลผลิตจาก Google Labs โดยในบล็อกของกูเกิลระบุว่าระบบสืบค้นข้อมูลในฟีเจอร์นี้จะเชื่อมกับฐาน ข้อมูลบุคคลสาธารณะที่กูเกิลรวบรวมไว้โดยอัตโนมัติ ทั้งบุคคลที่เป็นกลุ่มผู้ติดตามในทวิตเตอร์ (Twitter) รายการเพื่อนในเฟสบุ๊ก (Facebook) รวมถึงชื่อบัญชีในบริการจีเมลล์ (Gmail) และกูเกิลทอล์ก

ผู้ใช้จะมีสิทธิ์เลือกได้ว่าต้องการแบ่งปันหรือปกปิดข้อมูลใดก็ได้ รวมถึงสามารถเลือกได้ว่าต้องการสืบค้นข้อมูลจากเพื่อนคนใดเป็นพิเศษ

ที่มา : manager.co.th



จั่วหัวอย่างนี้ เจ้าของธุรกิจขนาดย่อม อาจอกสั่นขวัญแขวง สองจิตสองใจว่าจะเล่าแจ้งแถลงไข แกมเชิญชวนให้เข้ามาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าของฉันผ่าน Facebook หรือจะ Twit ให้ต่อกันเป็นทอดๆดี แต่อย่าเพิ่งตกใจล่ะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าน่ะมันเป็นผลของการทำ Research ฝั่งอเมริกาโน่น ปัจจัยต่างๆที่มีผลกับลูกค้าฝั่งโน้นตัดสินใจมาเป็นลูกค้าหรือจดจำ มันไม่ได้เหมือนกันซะทุกอย่างหรอกครับ ยังไงๆ ฟังไว้เป็นข้อมูลคงมั้ยเสียหลาย

ไหนๆก็เกริ่นซะยาว มาเริ่มกันเลยดีกว่า….

หน่วย งานธุรกิจขนาดย่อม(Citi’s Small Business Segment)ทำการวิจัยเมื่อเดือนสิงหาคม 52 เพื่อทราบความเห็นของผู้บริหารธุรกิจขนาดย่อมจำนวน 500 คนว่าเขาเหล่านั้นเชื่อในพลังของ Social Network ที่จะช่วยในการสร้าง lead (กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจจะซื้อสินค้า)มากแค่ไหน ผลปรากฏว่า 63% เห็นว่าไม่มีส่วนช่วยในการสร้าง Lead เลย ส่วนผู้ที่เห็นว่าสื่อนี้มีประโยชน์กับธุรกิจของเขาอย่างมากมีเพียงแค่ 3 % เท่านั้น และแม้ว่าผู้บริหารฯจะเห็นว่าการเข้าไปอยู่ในโลกของSocial Media เป็นหนทางหนึ่งในการโปรโมทธุรกิจ แต่ก็ยังกริ่งเกรงในเรื่องของ กำลังคนที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นในการดูแลช่องทางทางการตลาดออนไลน์แบบนี้ ทำให้ผู้บริหารส่วนใหญ่ยินดีที่จะใช้ Search Engine ในการทำการตลาดมากกว่า Facebook Twitter หรือ LikedIn

และจากการสำรวจผ่านออนไลน์ของ Internet2Go และ MerchantCircle รายงาน ว่า ในบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม มี 45 % ที่ใช้ Facebook ในการโปรโมทธุรกิจ และสถิติของ internet2Go เผยให้รู้ว่าเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมเพียง 22% ที่เห็นว่าการมี Profile ใน Social Network ต่างๆก็เป็นกลวิธีทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง

ฟังอย่างนี้แล้วเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ จริงๆแล้วหากเจ้าของธุรกิจหวังว่าโปรโมทธุรกิจผ่าน Social Network เพียงช่องทางเดียว จะช่วยให้ธุรกิจของตนเองมีลูกค้ามากขึ้น อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยครับ เพราะในสังคมออนไลน์สำหรับ Social Network นั้นการที่จะขายอะไรตรงๆ หรือ การโปรโมทแบบ Hardselling อาจไม่เป็นผลดีนักกับธุรกิจ บางทีเพื่อนร่วมก๊วนของคุณใน Facebook หรือ Twitter ฯลฯ อาจมองคุณว่าเป็นพวกที่จ้องแต่จะขายของท่าเดียว ทั้งที่ สังคมแบบนี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อสร้างกลุ่มเพื่อน เพื่อshare ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง การที่จะทะเร่อทะร่า ตะบี้ตะบัน ยัดเยียด สินค้าให้เพื่อน รังแต่จะโดนรังเกียจเดียดฉันท์ ดีไม่ดีจะโดนผลักออกจากกลุ่มเพื่อนของคุณ ไม่รู้ด้วยนะ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า Social Network จะไม่ช่วยให้คุณขายของได้เลย ไว้คราวหน้าโน้นนน จะมาเล่าให้ฟังว่าเข้าทำการตลาดบน Social Network แบบโดนๆ เค้าทำกันอย่างไร ครั้งนี้ไปล่ะคร้าบบบ….

ที่มา : แมกนั่มบอยดอทคอม


อีเมล์จะยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการติดต่อของผู้คนไปอีกนานแสนนาน แม้ว่าจะมีเครื่องมือในการสื่อสารใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการเกิดมาของ Social Media ต่าง ๆ ที่เริ่มเปลี่ยนวิถีการสื่อสารจากอีเมล์ มาใช้ direct message ใน twitter หรือแม้กระทั่งใช้ private message box ใน facebook เป็นต้น สิ่งที่ยังเป็นตัวบ่งบอกว่า อีเมล์ยังไม่ตาย มีดังนี้ครับ

  1. ผู้คนยังคงส่งจดหมายแบบเขียนด้วยมือ ผ่านการส่งไปรษณีย์ แม้ว่าสามารถใช้โทรศัพท์ ส่งอีเมล์ ส่ง sms แทนได้
  2. แทบทุกเว็บไซต์ยังคงใช้อีเมล์เพื่อการลงทะเบียน
  3. Social Network ยังคงส่งการแจ้งเตือนต่าง ๆ ผ่านอีเมล์
  4. ยังไม่เห็นหลักฐานใด ๆ ว่า Google Wave จะเป็นสิ่งที่มาแรงแซงอีเมล์
  5. คนใช้อีเมล์จนเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในชีวิตไปแล้ว แต่ Social Network อาจยังไม่ใช่
  6. ยังมีคนอีกหลายคนที่ไม่มีความสนใจที่จะใช้ Social Network
  7. อีเมล์ก็ยังปรับปรุงบริการของตนอยู่เรื่อย ๆ เช่น Google ก็เพิ่มลูกเล่นในการใช้งานให้กับบริการ Gmail ของตนอยู่ตลอดเวลา
  8. แม้กระทั่ง Social Network เองก็ยังเห็นความสำคัญของอีเมล์ เช่น MySpace ซึ่งเป็นหนึ่งใน Social Network ชื่อดัง ก็ยังเปิดให้บริการอีเมล์ของตนเอง เมื่อไม่นานมานี้
  9. ยิ่งคนใช้ Social Media มากขึ้น นั่นหมายถึงมีคนใช้อีเมล์มากขึ้นเช่นกัน
  10. อีเมล์ก็ยังเป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่ในการทำการตลาดได้ดี ในขณะที่บางองค์กรยังหากลยุทธที่เหมาะสมสำหรับสื่อ Social Media ให้ตนเองไม่ได้

เรียกได้ว่า จุดเด่นของเครื่องมือออนไลน์แต่ละอย่าง ก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์ที่ดีนั้น ก็ต้องเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมด้วยเช่นกันครับ

ที่มา : เวปโปรนิว


1. Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature. Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำ พวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนดรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยว กับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"
7. Google สามารถแปลเวปภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเวป)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
Adobe Portable Document Format (pdf) Microsoft PowerPoint (ppt)
Adobe PostScript (ps) Microsoft Word (doc)
Lotus 1-2-3 (wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku) Microsoft Works (wks, wps, wdb)
Lotus WordPro (lwp) Microsoft Write (wri)
MacWrite (mw) Rich Text Format (rtf)
Microsoft Excel (xls) Text (ans, txt)
วิธี ใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเวปที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเวปบางเวปที่อาจโดนลบไปแล้ว โดย ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะ ช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
11. Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเวปนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น ink:www.google.com และคุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12. Google สามารถค้นหาเวปที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเวปเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
13. ถ้า คุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I'm Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเวปที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเวปนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเวปมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I'm Feeling Lucky หรือ โชคเข้าข้างเราแน่ ใน Google ไทย
14. Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ
15. Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์
first name (or first initial), last name, city (state is optional) phone number, including area code
first name (or first initial), last name, state last name, city, state
first name (or first initial), last name, area code last name, zip code
first name (or first initial), last name, zip code
แล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน
16. Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com )
17. Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย

ปล. ใช้ดีแล้วบอกต่อ ผ่านทาง fw mail อีกทีจ้า


การใช้งาน Social Media เช่น Hi5 , facebook หรือแม้กระทั่ง twitter นั้น มิได้สามารถใช้จากเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ Social Media เหล่านี้สามารถใช้งานจากโทรศัพท์มือถือได้เช่นกัน โดยเฉพาะมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นพวก Smart Phone นั้น เราจะเห็นว่ามีการโฆษณาว่าใช้ Social media ได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว บางยี่ห้อติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับ social media มาจากโรงงานเลยทีเดียว แต่บางยี่ห้อ สามารถดาวน์โหลด application ต่าง ๆ มาติดตั้งได้ไม่ยากเช่นกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้นักการตลาด หรือสาวกที่ติด Social media อย่างงอมแงมนั้น ต้องมีมือถือ smart phone ไว้เป็นโทรศัพท์คู่ใจกันเยอะทีเดียว

เคยลองมองรอบตัว จะเป็นคนในออฟฟิสใช้โทรศัพท์อย่าง Blackberry, iphone, htc และ nokia เป็นส่วนใหญ่ ผมว่าแต่ละคนคงมีเหตุผลในการเลือกใช้แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันไป ผมอยากให้ผู้ที่กำลังจะเลือกซื้อ ลองดูตามรูปแบบการใช้งานที่เหมาะกับเรา อย่าเพิ่งไปมองหรือเชื่อตาม review ที่เราเห็นตามเว็บ หรือตามแมกกาซีนเสียทั้งหมด ลองอ่านข้อมูลเหล่านั้น เอามาประกอบการตัดสินใจ อย่างเช่นตัวผมก็มีเหตุจำเป็นที่จะต้องซื้อมือถือใหม่ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่กำลังตัดสินใจเลือกเหมือนกัน ยังนั่งคิดอยู่ว่า แบบไหนเหมาะกับตัวเราเองที่สุด ซึ่งผมเองก็มีเครื่องที่เล็งไว้อยู่ในใจแล้วแหละ เหตุผลที่จะเลือกรุ่นที่ว่า ก็เพราะฟังค์ชั่นการใช้งานเว็บไซต์ของเครื่องยี่ห้อนั้น ใช้งานได้คล่องและสะดวก ซึ่งผมเองก็มีชีวิตและอาชีพการงานอยู่กับเว็บ จึงมีเหตุผลที่ต้องใช้หรือดูเว็บบ่อยกว่าคนปกติ นี่เห็นเหตุผลง่าย ๆ สำหรับผมในการเลือกโทรศัพท์ smart phone เครื่องใหม่ของผม ลองดูนะครับว่าคุณมีไลฟ์สไตล์ในการใช้งานแบบไหน เลือกเครื่องมือถือให้เหมาะกับตัวคุณครับ

สำหรับโทรศัพท์มือถือกับ social media นั้น หากเรามองวิเคราะห์ในสองมุม คือมุมผู้ใช้ และมุมผู้โฆษณา จะเห็นว่ามีสิ่งที่เรียกว่าเป็น demand และ supply เกิดขึ้น คนใช้ social media ผ่านทางมือถือเยอะ ดังนั้นพวก application ต่าง ๆ ที่พัฒนามาก็จะทำให้เกิดธุรกิจขึ้นได้ เช่นบาง application ให้ใช้ฟรี แต่มีโฆษณาใน application นั้นด้วย หรือบาง application ก็เป็นแบบเสียเงินใช้ แต่ไม่มีโฆษณา เป็นต้น มีโอกาสเกิดขึ้นเยอะ เพราะมือถือช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ สามารถใช้ social network ได้บ่อยกว่าเดิมเสียอีก

มองกันในมุมผู้โฆษณาบ้าง นักโฆษณาหรือนักการตลาดส่วนใหญ่เอง ก็ต้องเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยว่า เค้าเหล่านั้นไม่ชอบโฆษณาแบบที่เรียกว่าเป็นการรบกวน เช่น sms ที่ถูกส่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นการที่จุดเด่นของ social media เองก็คือความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา หรือ relevancy นั้น ทำให้การโฆษณาสามารถเข้าไปอยู่ใกล้กับเนื้อหา ได้แบบไม่รบกวนผู้ใช้ได้อีกด้วย

นอกเหนือจากการโฆษณาแบบที่ว่าไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ผ่าน social media ได้มากขึ้นอีกด้วย เพราะยิ่งคนสามารถเข้าหา social media ได้จากโทรศัพท์มือถือแล้ว นั่นหมายถึงว่าผู้ใช้เอง ก็มีโอกาสที่จะเห็นข้อความ หรือ interact กับแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย

เห็นไหมครับว่า social media นั้นเมื่อผนวกกับโทรศัพท์มือถือนั้น ก่อให้เกิดโอกาสมากมายในการทำการตลาดครับ

ที่มา : เก่งดอทคอม


น่าเสียดายที่ผู้ใช้ชาวไทยยังไม่สามารถใช้บริการสืบค้นข้อความทวีตได้
ไมโครซอฟท์ประกาศให้บริการสืบค้นข้อความทวีตบนเสิร์ชเอนจิ้นอนาคตไกลของตัว เองนามว่าบิง (Bing) แล้ว ตัดหน้าคู่แข่งอันดับหนึ่งอย่างกูเกิล (Google) ซึ่งประกาศว่า จะดึงข้อความทวีตมาเป็นแหล่งข้อมูลในลักษณะเดียวกัน

ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลบนบริการทวิตเตอร์แบบเรียลไทม์ในงาน ประชุม Web 2.0 Summit ที่สหรัฐฯเมื่อวันพุธ (21 ตุลาคม 2552) ที่ผ่านมา ระบุว่านอกจากทวิตเตอร์ ไมโครซอฟท์ยังมีแผนจะนำข้อมูลอัปเดทสถานะในเครือข่ายสังคมอย่างเฟสบุ๊ก (Facebook) มาเป็นแหล่งข้อมูลให้บิงด้วย โดยฟีเจอร์เสิร์ชข้อความทวีตแบบเรียลไทม์บนบิงนี้จะให้บริการที่ bing.com/twitter

เชอริล แซนเบิร์ก (Sheryl Sandberg) ประธานฝ่ายปฏิบัติการของเฟสบุ๊กระบุว่า การร่วมมือกับบิงเพื่อให้ชาวออนไลน์สามารถค้นหาข้อความทวีตได้แบบเรียลไท ม์นั้น จะเป็นการเปิดให้ชาวไอทีทุกคนเข้าถึงข้อมูลในทวิตเตอร์ได้ โดยความร่วมมือนี้ไม่มีเงื่อนไขเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ตามเจตนารมณ์ของทวิตเตอร์ที่จะไม่ขายข้อความทวีตเพราะผู้ใช้คือเจ้าของ ลิขสิทธิ์ข้อความ

กูเกิลนั้นมีแผนจะเปิดตัวบริการค้นหาข้อความทวีตเรียลไทม์เช่นกัน โดยในบล็อกของบริษัท ทีมงานกูเกิลระบุว่าจะเปิดตัวบริการในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ ถือว่าบิงในความดูแลของไมโครซอฟท์นั้นสามารถทำงานได้รวดเร็วกว่ากูเกิลมาก ในฐานะที่เป็นบริการสืบค้นข้อมูลออนไลน์ที่เพิ่งเปิดตัวเพียง 5 เดือนเท่านั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ใช้บิงจะสามารถค้นหาสิ่งที่ชาวทวิตเตอร์พูดถึงทั้ง เรื่องข่าวด่วน ความคืบหน้าของบุคคลที่มีชื่อเสียง ทีมกีฬาที่ชื่นชอบ และทุกเรื่องราวที่เป็นจุดสนใจในทวิตเตอร์ เมื่อพิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการ ข้อความทวีตก็จะปรากฏขึ้นเหมือนการค้นหาลิงก์เว็บไซต์ โดยการจัดลำดับความน่าเชื่อถือของทวีตจะคำนวณจากจำนวนการส่งซ้ำหรือรีทวีต (re-tweet) พร้อมกับปัจจัยร่วมอื่นๆเช่นการคำนวณความถี่ของคีย์เวิร์ดที่ปรากฎในข้อความ ทวีตรอบข้าง และชื่อเจ้าของทวีต เป็นต้น

ข้อความทวีต (tweet) คือข้อความสั้นความยาว 140 ตัวอักษรที่ถูกส่งในบริการทวิตเตอร์ (Twitter) เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนบอกเล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ในขณะนั้น สมาชิกทวิตเตอร์แต่ละคนจะโพสต์ทั้งความรู้สึก เหตุการณ์ และข่าวสารที่พบเจอในแต่ละวันจนทวิตเตอร์กลายเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสาธารณะ ที่อัปเดทที่สุดในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ชาวไทยยังไม่สามารถใช้บริการสืบค้นข้อความทวีตได้ ยกเว้นจะตั้งค่าเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นสหรัฐฯ ยังไม่มีการรายงานว่าประเทศใดบ้างที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ รวมถึงกำหนดการที่บริการนี้จะพร้อมให้บริการทั่วโลก

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


คุณเคยประสบปัญหาในการหาวิธีการแปลง ไฟล์เอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel ซึ่งเป็นไฟล์เอกสารที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ให้เป็นไฟล์สกุล PDF บ้างไหมครับ?


(หาก บางคนสงสัยว่า PDF ไฟล์คืออะไรว่ะ? ขอแอบอธิบายนิดหนึ่งนะครับว่า PDF เป็นไฟล์สกุลหนึ่งที่นิยมใช้ในการส่งข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ท เนื่องจากมีไฟล์มีขนาดเล็ก และเปิดผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้)


ซึ่งหากนึกถึงโปรแกรมที่เป็นผู้นำทางด้านการนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่เรามักจะนึกถึงโปรแกรม Adobe Acrobat ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์และการใช้งานที่ดูเป็นมืออาชีพ (เรียกอีกอย่างว่าใช้งานยากนั่นเอง)


แล้วมันมีโปรแกรมแปลงไฟล์ Word, Excel ไปเป็น PDF ที่ง่ายและฟรีบ้างไหมเนี่ย?


มีครับ โปรแกรมที่ง่ายและฟรีที่ผมแนะนำก็คือ “Primo PDF” ครับ

ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ได้จาก www.primopdf.com

เมื่อดาวน์โหลดมาแล้วก็ดำเนินการดังนี้ครับ

ตัวโปรแกรม PrimoPDF มีขนาดไฟล์ก็ประมาณ 7.49 MB เองครับ


1. ทำการ Install โปรแกรมไปตามขั้นตอนปกติครับ


2. วิธีการใช้งานก็ง่ายแสนง่ายครับ เมื่อคุณต้องการที่จะแปลงไฟล์ตัวไหน (ทางเว็บไซต์โม้ว่า รองรับไฟล์มากกว่า 300 นามสกุล ซึ่งมีตัวไหนบ้างผมก็ไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าพวก Mocrosoft Office สามารถแปลงได้เกือบทั้งหมดครับ) ให้คุณเปิดโปรแกรม Word หรือ Excel (ตามแต่ที่คุณต้องการ) ขึ้นมาก่อนครับ

อันนี้เป็นตัวอย่างที่ีเปิดจากโปรแกรม Microsoft Word ครับ


3. เมื่อในตอนที่คุณต้องการที่จะแปลงไฟล์ตัวนี้ ให้คุณเลือกคำสั่ง "พิมพ์" และตอนที่เลือกเครื่องพิมพ์ ให้คุณเลือกที่ PrimoPDF


4. หน้าจอจะขึ้นมาตามนี้ครับ

5. และเมื่อคุณเลือกคำสั่ง OK เพื่อให้เครื่องพิมพ์งานตามปกตินั้น จะขึ้นหน้าจอตามด้านลงนี้ครับ โดยมีส่วนสำคัญก็คือ ให้คุณเลือกว่า คุณต้องการความละเอียดของไฟล์ PDF ระดับไหน และเลือกที่จะ Save ไฟล์ PDF นี้ไว้ที่ไหนบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เสร็จแล้วให้เลือก "Create PDF" ครับ


แค่นี้คุณก็จะได้ไฟล์นามสกุล PDF แบบง่ายและเร็วกว่าที่คุณคิดเลยครับ

ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม

Newer Posts Older Posts Home