ก่อนอื่นต้องขอขยายความคำว่า “Low Price High Money” กันก่อนครับว่า คำว่า Low Price นั้นมาจากคำว่า “Products Low Price” ครับก็คือสินค้าที่ราคาถูกนั่นเองครับ คำว่าถูกในใจผมก็คือราคาไม่เกิน $200 นั่นเองครับอาจอยู่ที่สักตั้งแต่ $10 ขึ้นไป ส่วนคำว่า High Money นั้นมาจากคำนี้ครับ “High Commission Money” ครับหมายถึงให้รายได้กับเราได้สูง
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับวันนี้แวะมาอัพเดทเนื้อหาให้ได้อ่านกันสักหน่อยนะครับเพื่อ เป็นแรงกระตุ้นให้ทุกท่านนั้นมุ่งมั่นสร้างรายได้ให้กับตนเองต่อไปอย่างเข้ม แข็งครับ เพราะว่าอนาคตประเทศไทยอยู่ในมือท่านแล้วครับ เมื่อท่านมีรายได้จากต่างประเทศสูงขึ้นจะทำให้ไม่เพียงแค่ทุกคนที่สร้างราย ได้เท่านั้นได้ประโยชน์แต่ทำให้ประเทศเรามีสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นด้วยครับ (นั่นไงมองการไกลไปโน่น..ฮะๆๆๆๆ)
ในตอนที่เราเริ่มสร้างรายได้นั้น ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านมองหาแต่สินค้าที่อาจให้ค่าคอมมิสชั่นสูงๆ เหตุก็เพราะว่าจะได้มีรายได้ที่สูงขึ้นนั่นเองครับ แต่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้สูงอย่างที่คิด เพราะว่าสินค้าที่ให้ค่าคอมมิสชั่นสูงก็จะมีราคาแพงมากนั่นเองครับ ยกตัวอย่างเช่น HDTV พวกนี้นะครับเหตุก็เพราะว่าสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือย และราคาแพงมากๆ ด้วยแม้จะให้ค่าคอมมิสชั่นเพียงแค่ 4% ในอเมซอนแต่ก็ยังถือว่าต่อชิ้นนั้นแพงมากๆ เลยทีเดียวครับ เช่น Samsung LN52B750 ในตอนนี้ค่าคอมน่าจะสัก $80 ต่อชิ้น เห็นแล้วเป็นไงครับเหอๆๆๆ มันน่าขายใช่หรือเปล่าหละครับผม แต่ก็แน่นอนครับเมื่อมันได้ค่าคอมขนาดนี้การแข่งขันคงไม่ต้องบอกละครับว่า เยอะมั๊ย ก็ลองค้นๆ หาดูครับว่าเยอะแค่ไหน ถ้าภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “หืดขึ้นคอ” ทำ SEO กันจนตาเหลือกก็ไม่สามารถทำอันดับได้ดีดีสักที ยิ่งถ้าคนที่ไม่เข้าใจถึงหลักการ SEO ในปัจจุบันด้วยแล้วคงไม่ต้องพูดกันเลยละครับ
เมื่อเหตุเป็นเช่นนั้นทำไมเราต้องไปต่อสู้บนถนนการแข่งขัน “สีเลือด (ทะเลสีแดง)” ด้วยเล่าเราก็ต้องหันมาดูสินค้าที่มีความจำเป็น ซึ่งอาจราคาต่ำกว่าแต่ให้ค่ำคอมมิสชั่นสูง เช่นราคาที่ $10-$200 อย่างที่ผมว่า (บางท่านเริ่มค้านแล้วครับว่า มันสูงตรงไหน) เอาหละผมให้ดูภาพก็แล้วกันครับเพราะว่า จะได้คิดตามได้ครับ
จากที่เห็นนี้สินค้าเหล่านี้ได้ค่าคอมฯ ตามเรทที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแม้จะมีราคาไม่มากนัก แต่ก็ให้รายได้ที่เยอะมากๆ เมื่อเทียบกับรายได้ต่อวันที่ขายสินค้าราคาแพง
จาก ที่เห็นนี้สินค้าเหล่านี้ได้ค่าคอมฯ ตามเรทที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแม้จะมีราคาไม่มากนัก แต่ก็ให้รายได้ที่เยอะมากๆ เมื่อเทียบกับรายได้ต่อวันที่ขายสินค้าราคาแพง
คำว่าคอมมิสชั่นสูงไม่ได้หมายถึงการได้ค่าคอมฯ มาต่อชิ้นหลายร้อยเหรียญครับ แต่การได้ค่าคอมที่สูงกว่านั้นมันต่างกัน เช่นทีวีที่ผมยกตัวอย่างอาจได้ค่าคอมฯ เพียงแค่ 4% เท่านั้นเองครับแต่สินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่อยู่ในกลุ่ม Electronics นั้นได้ค่าคอมฯ ตามจำนวนยอดขายที่เกิดขึ้นครับ คือ 4%-8.5% นั่นเองครับบางอย่างได้สูงถึง 15% เลยครับ สินค้าในกลุ่มเหล่านี้น่าขายกว่ากลุ่มแรกมากๆ ครับเพราะว่า
1. สินค้าราคาถูก ขายง่าย
2. การแข่งขันต่ำ คนทำน้อย
3. ได้คอมมิสชั่นตามยอดขาย
4. ทำให้ยอดขายเราสามารถขายได้เยอะ
5. อื่นๆ อีกแล้วแต่จะหาได้นะครับ
จากที่ผมทำๆ สินค้าในท้องตลาดมาไม่ได้จำกัดแค่ Amazon ที่เดียวเท่านั้นสินค้าเหล่านี้ทำเงินให้มากกว่าสินค้าราคาแพงหลายเท่าครับ เพราะขายได้ทุกวันและเยอะๆ ด้วยครับลองนึกภาพดูว่าแค่ได้ค่าคอมฯ ชิ้นละ $1 ถ้าเราขายได้วันละ 30 ออเดอร์ก็ปาเข้าไป $30 แล้วนะครับแล้วถ้าเกิดว่าเราขายได้อย่างนี้ตลอดทั้งเดือนเราได้ค่าคอมฯ จาก 4% เป็น 8% หรือ 8.5% รายได้เราจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียวครับเช่น ถ้าได้ที่ 8% นะครับชิ้นนี้ที่ตอนแรกเราได้แค่ $1 ต่อชิ้นจะได้ที่ $2 ต่อชิ้นถ้าขายได้ 30 ชิ้นต่อวันก็เท่ากับเรามีรายได้ $60 ต่อวันแบบนิ่งๆ กันเลยก็ว่าได้ครับแบบไม่ต้องรอลุ้นว่าอาทิตย์นี้จะมียอดขายได้ HDTV กี่เครื่องกันเลยก็ว่าได้ครับ ผมจะลองคำนวนคร่าวๆ ให้เห็นกันชัดมากขึ้นนะครับว่า ถ้าเราสามารถทำรายได้ที่ $60 ต่อวันได้ละก็ลองเอามารวมๆ กันต่อเดือนนะครับจะได้ดังนี้ครับ
$60×30 = $1800 คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 35x$1800 = 63,000 บาทโดยประมาณครับ เป็นไงครับรายได้ไม่ใช่น้อยเลยนะครับเนี่ยะ ตรงนี้แหละครับคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการสร้างรายได้จาก “บล็อกการตลาด” เพราะรายได้เหล่านี้จะเป็นรายได้ที่พอจะทำให้เรามีเงินซื้ออะไรที่เป็นทรัพย์สินได้อีกมากมายเลยทีเดียวครับ
ครับและนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมเองอยากจะมาบอกเล่าให้ได้อ่านกันนะครับ เพราะหลายๆ ท่านนั้นเริ่มต้นจากสิ่งที่ยากก็อาจทำให้ท้อแท้ได้ อย่ามองข้ามสิ่งที่อยู่ไกล้ตัวเราครับเพราะสิ่งนั้นที่เขาเรียกกันว่า “เส้นผมบังภูเขา” เหมือนๆ กับที่เราเคยๆ เป็นกันมาตลอดจนทุกวันนี้ละครับ.
ที่มา : เมกเมนนี่ดอทคอม