เมื่อพูดถึงการโฆษณาออนไลน์
ส่วนใหญ่เราจะนึกถึง Banner วิ้งๆแว้บๆ
ซึ่งถ้าอยู่บนสุด บนเว็บหน้าแรก ก็ถือว่า เป็นสปอนเซอร์ใหญ่
แต่ก่อนเมื่อตอนที่อินเตอร์เน็ตยังไม่บูมนักในเมืองไทย
การโฆษณาบนเว็บไม่ได้มีราคาค่างวดนัก
นักโฆษณาตีค่าโฆษณาบนเว็บไซต์ต่ำมาก
แต่เมื่อนักโฆษณาเริ่มเห็นค่าของเว็บไซต์
ราคาของเว็บไซต์ก็สูงขึ้น และสูงขึ้น
การโฆษณามักจะไม่พ้นเรื่องแบนเนอร์
และ Micro-site ที่รันแคมเปญโฆษณา
การโฆษณาแบบเดิมจนถึงปัจจุบัน
ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแบบ Marketer-driven อยู่
ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาเช่นนั้น สูงขึ้นทุกวัน
แต่ด้วยความเป็นอินเตอร์เน็ต
มันยังเปิดโอกาสให้ทำการตลาดแบบที่ค่าใช้จ่ายต่ำได้
ในการโฆษณาแบบหนึ่งที่เหมือนกับการโฆษณาแบบออฟไลน์
ที่มีอิทธิพลมากอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ Viral Marketing
เรามักมีแนวคิดว่า ผู้ใช้เกลียดโฆษณา
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
ผู้ใช้ไม่ได้รังเกียจโฆษณาทุกอัน
แต่รังเกียจโฆษณาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา และเขาไม่อยากจะรับรู้
Viral Marketing หรือการตลาดแบบปากต่อปาก (word of mouth)
เป็นวิธีการตลาดที่ใช้กันมานาน ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
ข้อดีของการตลาดแบบนี้คือ ลงทุนต่ำ หรือแทบไม่ต้องลงทุนเลย
แต่ต้องทำให้ผู้นำทางด้านการตลาด
ซึ่งในที่นี้คือ ส่วนหัวกะทิของลูกค้าของเรา
ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีอิทธิพลทำให้คนอื่นในกลุ่มปฏิบัติตาม
ยอมรับและเห็นดีเห็นงามในผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา
มากพอที่จะบอกคนอื่น หรือแสดงให้คนอื่นเห็นว่า
มันดีนะ มันควรใช้นะ
เมื่อผู้ตามคนอื่นเห็นท่านผู้นำทำ ก็จะทำตาม
และเมื่อเห็นดีเห็นงาม เขาก็จะเริ่มบอกคนอื่นปากต่อปากไปเรื่อยๆ
ที่มา : มาร์เก็ตติ้งไบท์ดอทคอม