ช่วงนี้เว็บดิ๊กกำลังมาแรงมากๆ ใครๆก็เปิดดิ๊กกันมากมาย แต่ยังมีหลายๆเว็บที่มีปัญหากับ url ภาษาไทย เพราะผมลองไปซับมิทดูแล้ว url มันมาไม่ครบ เพราะ url ภาษาไทยที่แปลงเป็นโค๊ดมาแล้วมันจะยาวมากๆๆๆๆๆ
เลยเอาทิปตรงนี้มาแนะนำ (หลายๆท่านที่ทำเว็บดิ๊กมานานหรือใช้ดิ๊กของคุณชิดน่าจะปรับแก้ส่วนนี้กันไปหมดแล้วนะครับ)
ตัวอย่างลิงค์บทความนี้
hxxp://niyaithai.com/ibook/News-Update/รวยได้จริงบนโลกออนไลน์ “ทุกคนก็ทำได้ ไม่เว้นแม้แต่คุณ”
พอแปลงโคดแล้วจะได้ลิงค์ยาวประมาณนี้ (ยาวโคตระเลยครับ)
hxxp://niyaithai.com/ibook/News-Update/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E2%80%9C%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E2%80%9D.html
ทำ ให้เวลาเอาลิงค์ไปซับมิทตามเว็บดิ๊กต่างๆแล้ว url มันจะมาไม่ครบกลายเป็น 404 Error ทำให้ต้องใช้บริการเว็บย่อ url เพื่อเอาลิงค์ย่อมาซับมิทแต่บางเว็บก็ไม่รับซับมิทลิงค์ที่เป็น url ที่ย่อมา
ปัญหา url ภาษาไทยมาไม่ครบเพราะปกติ pligg จะตั้งค่า url มาที่ 200 ตัวอักษรนะครับ ให้เราเข้าไปแก้ใน phpMyadmin ใน table ที่ชื่อว่า Pligg_Links
ทีนี้เว็บดิ๊กของท่านก็พร้อมจะรองรับ url ภาษาไทย(ที่โคตรจะยาววววว)ได้เต็มรูปแบบแล้วครับ
ใครมีเว็บดิ๊กไทยที่ยังไม่ได้ปรับในส่วนนี้ก็ช่วยๆกันปรับด้วยนะครับ ผมจะได้เอาเว็บผมไปซับได้บ้าง
ที่มา : bungygum
หลายคนอาจเคยเห็นการจดชื่อโดเมนเนมเว็บไซต์เป็นภาษาไทยแล้วตามด้วย อักขระอังกฤษ".com"หรือ".co.th" แต่ล่าสุดคณะกรรมการกำหนดชื่อและเลขหมายสำหรับใช้บนอินเทอร์เน็ตอย่าง "ไอแคนน์ (ICANN)" กำลังพิจารณาอนุมัติให้ชื่อโดเมนเนมไม่ต้องมีอักขระภาษาอังกฤษเป็นส่วน ประกอบใดๆ โดยสามารถใช้อักขระภาษาอื่นเขียนแทนได้ทั้งหมด คาดว่าการอนุมัติจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2552 หลังจากทดสอบแล้วประมาณ 2 ปี
การอนุมัติกฎการตั้งชื่อที่อยู่เว็บไซต์หรือเว็บแอดเดรสโดยไม่ใช้ อักขระภาษาอังกฤษนั้นถูกมองว่าคือการเปลี่ยนแปลงด้านเทคนิคครั้งใหญ่ที่สุด ของวงการอินเทอร์เน็ตตลอดประวัติศาสตร์ 40 ปีที่ผ่านมา โดยประเด็นทั้งหมดจะถูกยกขึ้นมาพิจารณาในงานประชุมประจำปีของคณะกรรมการ Internet Corporation for Assigned Names and Numbers หรือ ICANN (สำนักงานใหญ่อยู่ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
การปลดข้อจำกัดให้การเขียนเว็บแอดเดรสไม่ต้องอยู่ในรูปสคริปต์ภาษาละ ตินนี้เกิดขึ้นบนความหวังว่าชาวโลกที่ไม่มีความรู้เรื่องภาษาอังกฤษจะสามารถ เข้าเว็บด้วยการพิมพ์เว็บแอดเดรสในภาษาที่ตัวเองถนัดได้มากขึ้น เช่น ภาษาอาหรับ เกาหลี ญี่ปุ่น กรีก ฮินดี และภาษาไซรีลลิค (Cyrillic) ของชาวรัสเซีย โดยปีเตอร์ เดนเกต ธรัช (Peter Dengate Thrush) ประธานคณะกรรมการไอแคนน์เชื่อว่าจะมีการอนุมัติอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ ที่ 30 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม
****ภาษาไทยคงต้องรอก่อน
แนวคิดเรื่องการตั้งชื่อโดเมนเนมเป็นภาษาท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะธรัชกล่าวว่า ไอแคนน์ได้ทดสอบระบบแปลงสคริปต์ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษให้เป็นแอดเดรส ปกติมานานกว่า 2 ปีแล้ว การทดสอบทำให้ไอแคนน์มีความพร้อมและมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ชาว โลกได้ประโยชน์และเป็นที่นิยม และการอนุมัติจะทำให้ไอแคนน์สามารถให้บริการระบบที่มีความพร้อมสุดขีดนี้ อย่างเต็มตัว
ชื่อโดเมนเนมแบบไร้ภาษาอังกฤษนี้รู้จักในชื่ออย่างเป็นทางการว่า IDN TLD (IDN ย่อมาจาก Internationalized Domain Names; TLD ย่อมาจาก Top Level Domain) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ บริษัทในประเทศไทยจะสามารถใช้ตั้งชื่อเว็บแอดเดรส์โดยลงท้ายว่า ".บริษัท" ได้แทน ".com" หรือ ".ประเทศไทย" ได้แทน ".th" โดยที่ผู้ใช้ซึ่งออนไลน์จากทั่วมุมโลกจะสามารถเข้าเว็บได้หากพิมพ์ภาษาไทย ได้ ต่างกับบริการชื่อโดเมนเนมภาษาไทยที่ให้บริการแล้วในขณะนี้
อักขระภาษาอังกฤษนั้นใช้เขียนแสดงที่อยู่เว็บไซต์ในเครือข่ายอิน เทอร์เน็ตมาตั้งแต่ยุคระบบปิดซึ่งใช้งานเฉพาะในกลุ่มมหาวิทยาลัยและกองทัพ อเมริกันในปี 1969 จนถึงช่วงปี 1990 ที่เริ่มเข้าสู่ระบบเปิด จุดนี้ร็อด เบคสตรอม (Rod Beckstrom) ประธานและซีอีโอคนใหม่ของไอแคนน์ระบุว่าหากไอแคนน์อนุมัติให้เว็บแอดเดรสไม่ ต้องใช้อักขระภาษาอังกฤษ ไอแคนน์ก็จะเริ่มรับรองแอปพลิเคชันที่ใช้ชื่อโดเมนเนมเป็นภาษาอื่น เข้าสู่ระบบแอดเดรสของไอแคนน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเต็มตัวได้ในช่วงกลางปี 2010
อย่าง ไรก็ตาม ไอแคนน์ยังไม่ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุมัติชื่อโดเมนเนมภาษาท้องถิ่น ครั้งนี้ แต่จากการประกาศทดสอบระบบเมื่อปี 2550 ระบุว่าจะนำร่องโครงการก่อนในบางภาษา โดยเลือกจากสังคมออนไลน์ที่แสดงความสนใจ และต้องการใช้โดเมนเนมที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษมากที่สุดก่อน ซึ่งยังไม่มีรายงานว่ามีภาษาไทยอยู่ในรายการด้วยหรือไม่
****แนวโน้มจำเป็น
เบคสตรอมระบุว่าในจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 1,600 ล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งใช้อักขระภาษาอื่นที่ไม่ใช่ละติน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน ปัจจุบันนี้ แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รายใหม่ในอนาคตที่จะหันมาใช้อินเทอร์เน็ตกัน มากขึ้น
ขณะที่บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจขายโดเมนเนมให้กับภาคธุรกิจ คาดว่าโดเมนเนมภาษาท้องถิ่นจะเป็นผลดีกับธุรกิจมากขึ้น อาจจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่หลังจากที่ผ่านมา รายได้ส่วนใหญ่ของธุรกิจนี้มาจากการจดทะเบียนชื่อตามรหัสประเทศเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนเจ้าของเว็บไซต์ เชื่อว่าโดเมนเนมชื่อท้องถิ่นจะทำให้ลิงก์เว็บไซต์ปรากฏบนหน้าสืบค้นข้อมูล ได้ดีขึ้น เพราะผู้ใช้ในแต่ละพื้นที่มักจะป้อนคีย์เวิร์ดที่ต้องการค้นหาในเสิร์ชเอน จิ้นเป็นภาษาท้องถิ่นด้วย
มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย โดเมนเนมภาษาท้องถิ่นนั้นยังมีข้อจำกัดในขณะนี้ เช่น การไม่สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า โปรแกรมเบราว์เซอร์รุ่นเก่า ขณะเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตบางกลุ่มเคยออกมาแสดงความไม่เห็น ด้วยกับการตั้งโดเมนเนมในภาษาอื่นนอกจากอังกฤษ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าหากมีการใช้ชื่อโดเมนเนมเป็นภาษาอื่นอย่างกว้างขวาง จะทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตแตกออกเป็นกลุ่มย่อยๆเฉพาะในพื้นที่ แทนที่จะใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลและเปิดกว้างให้ชาวโลกติดต่อกันได้ทุก ประเทศ
อย่างไรก็ตาม เบคสตรอมระบุว่า ที่ผ่านมากลุ่มคนบางกลุ่มในหลายพื้นที่ทั่วโลกล้วนทำงานผ่านแอดเดรสภาษาท้อง ถิ่นกันแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า การอนุมัติและวางแนวทางการเติบโตของโดเมนเนมภาษาท้องถิ่นอย่างจริงจังนั้น เป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต
ที่มา : เมเนเจอร์ดอมซีโอดอททีเฮช
ศึกชิงจ้าวการแปลภาษา ระหว่าง Google Translate กับ Bing Translator ใครเจ๋งกว่ากัน?
0 comments Posted by wittybuzz at 12:36 AM
(ปล. อันนี้ไม่ใช่รายการศึกวันทรงชัยนะจ้ะ)
จาก บทความเดิม ที่ผมได้แนะนำถึงเว็บไซต์ที่ช่วยในการแปลภาษาไทย-อังกฤษ และอังกฤษ-ไทย ผ่านทาง Google Translate ไปเมื่อสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ Google Translate ก็ต้องพบกับศึกใหม่ เมื่อคู่แข่งหัวใจ ทางด้าน Search Engine (เครื่องมือค้นหาข้อมูลทางเว็บไซต์) อย่าง Bing ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ตั้งใจที่จะส่งหมัดเด็ดเสยหน้าแหงของ Google นั่นก็คือ "Bing Translator"
Bing Translator คืออะไร?
Bing Translator นั้นก็คือ โปรแกรมที่ช่วยคุณในการแปลภาษา โดยสามารถแปลได้ทั้งข้อความหรือประโยค หรือแปลทั้งเว็บไซต์ได้ (โดยการใส่ URL ของเว็บไซต์เข้าไป) ซึ่งในขณะนี้ Bing Translator รองรับการแปลภาษาแบบกลับไปกลับมา 20 ภาษา และมีระบบการ “ตรวจหาโดยอัตโนมัติ” (ซึ่ง Google Translate รองรับที่ 50 ภาษา แต่ก็อย่าว่าเลยครับ Google Translate ก็เปิดตัวมานานกว่า และบางภาษาที่แปลได้ก็ช่างหามาลงเหลือเกิน ซึ่ง Bing Translator ก็มีภาษาที่คนส่วนใหญ่ใช้กันอยู่บ่อยครบถ้วนแล้ว)
เว็บไซต์ของ Bing Translator http://www.microsofttranslator.com/
เว็บไซต์ของ Google Translate http://translate.google.co.th/
เมื่อเรานั่งว่าง ก็ได้เวลาเอาทั้ง 2 ตัวนี้มาเปรียบเทียบกันนะครับโดยการทดสอบ เราจะทำการทดสอบถึงประสิทธิภาพทั้ง 3 ด้านครับ
1. การแปลเว็บไซต์จากอังกฤษเป็นไทย
2. การแปลภาษาจากอังกฤษเป็นไทย
3. การแปลภาษาจากไทยเป็นอังกฤษ
(การทดสอบนี้เป็นการทดสอบโดยเว็บไซต์ ManaComputers.com เองนะครับ อ้างอิงจากการทดสอบในวันที่ 24 กันยายน 2552 ครับ)
1. การแปลเว็บไซต์จากอังกฤษเป็นไทย
Google Translate : แปลได้แปลดี แต่อ่านกี่ทีก็ยังงง
Bing Translator: เหมือนต้นฉบับที่สุด (เหมือนยังไม่ได้แปล) ซึ่งผมพยายามทดลอง 5-6 ครั้งแล้วครับ
ผลการปะทะรอบนี้ : Google Translator ชนะ แต่ชนะแบบไม่สมศักดิ์ศรีเท่าไหร่ (เพราะแปลไทยได้ แต่อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจอีกเยอะ
.
2. การแปลภาษาจากอังกฤษเป็นไทย
คำต้นฉบับ
Phillips: Father wanted me as his wife
In an interview with Oprah Winfrey to air Wednesday,
Mackenzie Phillips claims that she was "raped" by her father while still a teenager.
Google Translate
Phillips: พ่ออยากให้ฉันเป็นภรรยาของเขา
ในการสัมภาษณ์กับโอปรา Winfrey เพื่ออากาศวันพุธที่
Mackenzie Phillips ข้ออ้างที่ว่าเธอ "raped" โดยพ่อของเธอขณะที่ยังวัยรุ่น
Bing Translator
Phillips: พ่อต้องฉันเป็นภรรยาของเขา
ในการสัมภาษณ์กับ Oprah Winfrey อากาศวันพุธ
Mackenzie Phillips กล่าวข่มว่า เธอถูก "ขืน"โดยพ่อของเธอในขณะที่ยังคงเป็นวัยรุ่น
ผลการปะทะรอบนี้ : พออ่านแล้วเข้าใจได้ แต่ต้องเรียบเรียงแก้ไขนิดหน่อยทั้งคู่
.
3. การแปลภาษาจากไทยเป็นอังกฤษ
คำต้นฉบับ
สัมผัสแรกกับ mobile internet 3G aircard ของ DTAC ตอนที่ 1
เนื่อง ด้วยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทาง DTAC ได้ทำการเปิดรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการทดสอบระบบ 3G จำนวน 2,000 คน ซึ่งผมก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบด้วย โดยทาง DTAC ได้ทำการเปิดให้ผู้ทดสอบเข้ารับอุปกรณ์สำหรับการทดสอบระบบ (ซึ่งก็คือ Aircard Sim 3G) ที่จามจุรี สแควร์ ตั้งแต่วันที่ 1 -11 กันยายน ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป
Google Translate
First experience with mobile internet 3G aircard Episode 1 of DTAC.
Due in August last by DTAC has opened participate in the 3G test program that I have of 2,000 people is one of them to have the opportunity to join the test by DTAC has opened to take the test. equipment for testing (which is Aircard Sim 3G) that mimosa Square from September 1 to 11 September from 10.00 am onwards.
Bing Translator
The first touch with 3 g, mobile internet aircard of beauty part 1
because in August that through beauty has opened for people interested in joining the project test 3 g number 2000 system that I have is one that has an opportunity to test participants. By beauty has opened, test access receive device for testing system (that is, 3 g) Aircard Sim that Antelope square from 1-11 September from 10.00.
ผลการปะทะ : อันนี้ผมให้คะแนนดีพอๆ กัน แม้ว่าจะยังไม่ดีที่สุดก็ตาม
.
สรุป แม้ ว่าระบบการแปลภาษาผ่านเว็บไซต์ของ Bing Translator และ Google Translate มันอาจจะยังไม่สามารถทำได้สมบูรณ์เท่ากับนักแปลมืออาชีพ แต่ก็เป็นตัวช่วยที่ช่วยให้การแปลภาษาของเราง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องเสียค่า ใช้จ่ายครับ รักใครชอบใคร ก็เลือกเลยครับ
แต่ถ้าคุณซีเรียส ผมว่า การใช้บริการนักแปลมืออาชีพน่าจะดีที่สุดแล้วครับ
ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม
เคล็ดลับการใช้ Google Translate (แปลภาษา) ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
0 comments Posted by wittybuzz at 10:16 AM
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเรานั้นมีมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การแปลภาษา
เมื่อก่อนนั้น หากเราต้องการใช้งานเกี่ยวกับโปรแกรมการแปลภาษา จากภาษาไทย < - > ภาษาอังกฤษนั้นหาได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากไม่ค่อยมี Software ที่ จะพัฒนามาเพื่อคนไทยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ทของคนไทยไม่ว่าจะเป็นการ หาข้อมูลหรือข่าวสารนั้นมีขีดจำกัด?
(หาก ท่านต้องการทราบเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Google Translate เพียงอย่างเดียว ท่านสามารถข้ามไปอ่านบทความครึ่งหลังได้เลยครับ)
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเมื่อ Google ได้ทำการเปิดตัว Google Translate ในภาคของการแปล ภาษาไทย-อังกฤษ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ แปลภาษาจากไทยเป็นอังกฤษ หรืออังกฤษเป็นไทย ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งข้อดีของ Google Translate ภาค ไทย-อังกฤษ ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
1. ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเดิมการที่จะหาโปรแกรมในการแปลภาษา ไทย-อังกฤษ (สำหรับการแปลเป็นประโยค) นั้น ส่วนมากจะเป็น Software ที่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการมาของ Google Translate ทำให้การแปลภาษาเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงกลุ่มคนได้อีกมากมาย
2. สามารถแปลได้ทั้ง Website หรือ ประโยคข้อความใดๆ ก็ได้ หากต้องการแปลทั้ง Website ก็เพียงแค่พิมพ์ URL ของเว็ปไซต์ที่เราต้องการแปลเท่านั้นเอง ส่วนการแปลประโยคหรือข้อความก็สามารถใช้คำสั่ง Copy + Paste แค่นั้น
3. หากท่านเป็นเจ้าของ Website ท่านสามารถนำ Code ของ Google Translate ไปวางที่ website ของท่านเพื่อให้ Website ภาษาไทยของท่านสามารถแปลภาษาได้หลากหลายภาษา (เหมือนดังที่ www.manacomputers.com ใช้อยู่)
ส่วน จุดที่ยังต้องปรับปรุงก็คือ ความแม่นยำในการแปลภาษานั้นยังไม่สูงนัก เนื่องจากบางคำหรือประโยค มีคำเฉพาะ หรือคำที่มีความหมายแฝง คำศัพท์เฉพาะหรือคำแสลง โอกาสในการแปลไม่ตรงตามความต้องการของเราก็มีสูงตามไปด้วย
หากท่านต้องการที่จะใช้ Google Translate (แปลภาษา) ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เราขอแนะนำวิธีการดังต่อไปนี้
1. หากต้องการแปล ประโยคยาวๆ เราขอแนะนำให้ ลองทำการแปลที่ละประโยค หรือทีละย่อหน้าก่อน?
2. หากต้องการแปลไทยเป็นอังกฤษ พยายามตัดคำฟุ่มเฟือยออกไป เช่นคำว่า ? จ้ะ นะ ครับ จัง? เพราะบางครั้ง Google Translate จะรวมคำเหล่านี้เข้ามาในการแปล ทำให้โอกาสในการแปลนั้นผิดพลาดสูง
3. อีกกรณี หากแปลไทยเป็นอังกฤษ หาคำหรือประโยคที่ออกมานั้นดูไม่ค่อยเข้าที ลองเปลี่ยนคำที่ใกล้เคียง แล้วลองเปลี่ยนดูจนได้คำที่เหมาะสม
4. หากต้องการแปลคำศัพท์หลายๆ คำ ให้ทำการพิมพ์คำที่ต้องการแปล 1 คำ ต่อ 1 บรรทัด การแปลจะให้ผลที่ดีกว่า พิมพ์หลายๆคำ ลงในบรรทัดเดียวกัน
5. อย่าลืมที่จะคำนึงถึง คำศัพท์เฉพาะ คำศัพท์ในวงการ หรือคำแสลงใดๆ ก็ตาม เพราะบางที Google Translate อาจให้ความหมายที่ไปคนละทางเลยก็ได้
6. คำหนึ่งคำอาจมีความหมายหลากหลายรูปแบบ อย่าลืมที่จะดูคำที่ Google Translate แปลให้เพิ่ม โดยจะอยู่ใต้คำแปลหลัก เช่นคำว่า ?ลือ? จะแปลได้ว่า Propagate. แต่ก็จะมีคำอื่นที่ใกล้เคียงกันเช่น spread widely , make known , circulate , broadcast, disseminate ,propagate
7. ไม่ ว่าคุณจะแปลไทยหรืออังกฤษ ให้ลองเปรียบเทียบประโยคก่อนแปลและหลังแปลดูก่อน อย่าเอาประโยคที่ได้ทำการแปลนั้นไปใช้ทันที ตรวจทานเรื่องคำดูอีกสักครั้ง ลองปรับบางคำเพื่อให้เหมาะสมกับประโยคนั้นมากที่สุดดูก่อน
แม้ใครหลายคนจะบอกว่า ?ถ้าใช้ Google Translate แปลแล้ว ไม่แปลดีกว่า? แต่ผมก็ยังนิยมชมชอบใน Google Translate อยู่ดี ผมว่ามันอยู่ที่เทคนิคการใช้งานของเรามากกว่าครับ
ที่มา : มานาคอมพิวเตอร์ดอทคอม
ฟรีเครื่องมือแปลภาษาในคอมพิวเตอร์
ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ! โดยเฉพาะนักเรียน นิสิต นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งคนที่กำลังศึกษาการใช้ภาษา เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ทดลองใช้โปรแกรมแปลภาษาผ่านทางเว็บไซต์ของ Google มาบ้างแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เคย เชิญทดสอบได้ที่ http://translate.google.com/ ถึงแม้ว่าการแปลภาษาจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยแบบทั้งประโยค ดูเหมือนว่ายังไม่สมบูรณ์ 100 % ก็ตาม แต่ผลที่ได้ก็ทำให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเป็นบริการฟรี ที่น่าสนับสนุน
Client for Google Translate
ฟรีโปรแกรมเสริมการใช้งาน แปลภาษาของ Google Translate (แต่เจ้าของไม่ใช่ Google) แต่พัฒนาโดย Alexey ILJIN ซึ่งโปรแกรมนี้เพียงแค่เราติดตั้ง จะสามารถใช้ความสามารถของ Google Translate ในการแปลภาษาได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บไซต์ของ Google translate เลย
- สนใจ download Client for Google Translate ขนาดไฟล์ 1.99 MB
- รองรับการใช้งาน Windows ตั้งแต่เวอร์ชั้น 98, 2000, XP, Vista และ Windows 7
- สิ่งสำคัญต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา
วิธีติดตั้ง Client for Google Translate
- เริ่มต้น ให้ download Google Translate จากลิงค์ข้างต้น
- ดับเบิลคลิกไฟล์เพื่อติดตั้งในคอมพิวเตอร์
- ทำตามหน้าจอ จนกระทั่งติดตั้งสมบูรณ์
- จะเห็นไอคอน "G" ที่ taskbar ด้านล่าง
- คลิกขวาที่ตัว "G" เลือกคำสั่ง "Language"
- จาก นั้นเลือกว่าจะให้แปลภาษาอะไรเป็นภาษาอะไร เช่น แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เป็นต้น (จะเห็นว่าสามารถแปลกลับไปกลับมาได้ระหว่างภาษา)
ทดสอบการแปลภาษาด้วย Client for Google Translate
วิธีที่ 1 แปลจากเอกสารหรือหน้าเว็บ
- คลิกคลุมข้อความที่เราต้องการ
- จะเห็นสัญลักษณ์ตัวอักษร "G" ให้คลิกเลือก
- จะเห็นข้อความที่ถูกแปลในหน้าต่างเล็กๆ
วิธีที่ 2 แปลจากข้อความที่เรา copy มา
- กดปุ่ม Ctrl 2 ครั้ง หรือ
- คลิกขวาที่ไอคอน "G" ที่ Taskbar ด้านล่าง
- คลิกเลือก Open
- ที่หน้าต่างด้านบน ให้ copy ข้อมูลมา และ Paste ข้อมูลลงหน้าต่างนี้
- กดปุ่ม Translate เพื่อแปล
ความสามารถพิเศษ
- สามารถ ใช้งานรวมกับโปรแกรมอื่นๆ ในคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น Microsoft Word, Microsoft Excel เป็นต้น (เวลาที่เราเปิดโปรแกรมเหล่านี้ เราจำเป็นต้องสั่งโปรแกรมให้ใช้งานร่วมกับโปรแกรมเหล่านี้ โดย ให้คลิกที่ไอคอน "G" ที่ Taskbar จากนั้น เลือกคำว่า "Enable in ... .exe" ชื่อโปรแกรมนั้นๆ ด้วย
- หลังจากเลือกการแปลแล้ว สามารถ copy ข้อความที่แปลแล้วไปใส่ในเอกสารต่างๆ ได้ด้วย
เชื่อ ว่าคงถูกใจกับคนไทยอย่างเราๆ มากเลยใช่ไหมครับ ผมเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการช่วยพัฒนาภาษาของคนไทยได้มากด้วย และไม่ใช่เฉพาะแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น น่ะครับ ภาษาอื่นๆ ก็สามารถทำได้ด้วย เพราะ Google Translate รองรับการใช้งานภาษาได้ถึง 42 ภาษา (ณ ขณะนี้)
ที่มา : ไอทีไกด์ดอทคอม
เมื่อตอนที่ผมหัดทำเว็บครั้งแรก ซักประมาณปี 2540 ตอนนั้นมีบริการให้พื้นที่เว็บไซต์ฟรี ที่ได้รับความนิยมมากชื่อ Geocities ซึ่งต่อมาได้ถูกซื้อกิจการโดย Yahoo ไป ซึ่งเว็บไซต์ Geocities นี้เรียกได้ว่าเป็นครู ให้ผมได้ฝึกฝนวิชาการทำเว็บ และตัวเว็บเอง ยังเป็นต้นแบบให้ผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ได้เปิดบริการพื้นที่เว็บไซต์ฟรี กันอย่างแพร่หลาย
ล่าสุด ข่าวที่ได้ทราบมาว่า Geocities จะปิดให้บริการในวันที่ 26 ตุลาคม 2552 นี้แล้ว เห็นแล้วก็ใจหายว่า หนึ่งให้ผู้ให้บริการ dot com ยุคแรก ได้เริ่มสูญหายไปตามกาลเวลา เป็นไปตามวัฎจักรที่ทุกอย่างมีเกิด ก็ต้องมีดับ ขอไว้อาลัยให้ Geocities ซัก 1 นาทีครับ ใครที่เคยใช้บริการที่ Geocities ก็ขอเชิญด้วยนะครับ … สาธุ
ที่มา : เก่งดอทคอม
การทำ ลิงค์ ฟาร์ม ( link farm ) นั่นไม่ ยากครับ แต่จะทำไปเพื่ออะไร เพื่อโปรโมทเวปเหรอครับ ผมว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีนักน่ะ ว่าแต่ ลิงค์ ฟาร์ม ( link farm ) คืออะไร?
เพื่อนๆหลายคน อาจไม่รู้จัก ลิงค์ ฟาร์ม ( link farm ) จริงๆมันก็คือ ลิงค์ ที่มาจากหน้าเว็บเพจ ที่มี ลิงค์ออกไปยังเว็บไซต์ต่าง มากมายหลายร้อย หลายพันลิงค์ บางท่านอาจคิดว่า “แล้วพวกลิงค์จากสารบัญเว็บไซต์ละ ถือว่าเป็น ลิงค์ ฟาร์ม ( link farm )ไหม” ขอบอกเลยว่า มันต่างกันครับ เพราะ สารบัญเว็บไซต์ Directory จะมีความต่างกัน ตรงที่แบ่งหมวดหมู่ เป็นระเบียบและมี ลิงค์ออก ไม่เยอะเช่นเดียวกับ ลิงค์ ฟาร์ม Link Farm ครับ เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นตรวจสอบการแลกลิงค์ หรือลิงค์ที่เข้ามาบ่อยๆว่ามาจาก ลิงค์ ฟาร์ม Link Farm หรือไม่นะครับ
หรือจะกล่าวโดยสรุปได้ว่า ลิงค์ ฟาร์ม ( link farm ) คือ คำ ที่เหล่าเว็ปมาสเตอร์พูดถึง เวป ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นแหล่งรวมลิงค์เกิน 100 ลิงค์ ขึ้นไป โ่ดยไม่มีการแบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน แต่นำ link ทั้งหมดที่มีอยู่ มาวางไว้ในเพื่อให้ บอทของ google, yahoo, bing ( msn ) และบอทของค่ายอื่น ๆ เข้ามาเก็บข้อมูลแบบทีเดียวจบ แล้วก็จะโดนแบนจากพี่ google ได้แบบทีเดียวจบเหมือนกัน เพื่อนอาจจะคิดว่าเห็นคนอื่นทำกันเยอะแยะไม่เห็นเป็นไรเลย ผมขอยืนยันเลยครับ ไม่นานหรอกครับ ไม่โดนพี่ google แบนเองก็โดนคู่แข่งส่งข้อมูลไปให้ google แบนอยู่ดี
คิดง่าย ๆ เพียงว่าอย่าให้มีลิงค์ในหน้านั้นเกิน 100 ขึ้นไปก็จะปลอดภัยจากการโดนว่า link farm ครับ ความจริง ค่ายอื่น ๆ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่ะครับ มันจะมีปัญหาก็กับ google นี่แหละครับ ซึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญกับพี่ google เป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับแต่ ทราฟฟิกในประเทศไทย แทบจะเกือบ 100% เลยที่มาจาก google เหตุนี้เหล่า webmaster ในประเทศไทยรวมถึงประเทศต่าง ๆ ด้วยจึงให้ความสำคัญกับ google มากเป็นพิเศษ
meebo เป็นระบบ Chat สนทนาตัวใหม่ที่สามารถ log in ทาง browser ได้และที่สำคัญมันสามารถรวมเพื่อนๆจาก AIM Yahoo Facebook MSN Myspace GoogleTalk ICQ Jabber และ IM network หรือ Social Network อื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ออนไลน์ครั้งเดียว ได้คุยกับเพื่อนจากทุกที่ครับ และเร็วๆนี้ Meebo อาจจะออกตัวที่ช่วยทำให้ user สามารถแชร์ Content จากเว็บไซต์ หรือบล๊อค ไปยังเพื่อนๆได้อีกด้วยครับ หรือจะดาวน์โหลดโปรแกรมไปลงแบบ Desktop เหมือน msn ก็ยังได้ ลองไปทดลองใช้กันดูหรือยัง จากการทดสอบ บอกได้เลยครับว่าแจ๋วเรียกพี่ !
เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการ meebo.com ได้เลยน่ะครับรับรองว่าถูกใจกันทั่วหน้าแน่นอนครับ
ที่มา : สยามมันนี่ดอทเน็ต
เริ่มการทำ search engine optimization ด้วยการ Submit URL โดยเป็นหนึ่งในวิธีการที่สำคัญอย่างหนึ่งครับ เพราะหลังจากที่เราสร้าง blog หรือ web site เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ ดังนั้นการใส่ที่อยู่เว็บไซต์ หรือ URL เข้าไปใน Search Engine จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำในอันดับแรก
และก็คงจะหนีไม่พ้นยักษ์ใหญ่อย่าง google ส่วนของค่ายอื่นๆก็เช่น yahoo,live,ask,aol,altavista,lycos,netscape,dmoz เมื่อเราได้แนะนำ website ให้ search engine รู้จักเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัว search engine ทั้งหลายก็จะเข้ามาค้นหา และ update ข้อมูลภายในเว็บ และก็ดึงไปเก็บไว้ นอกจาก การ submit URL แล้ว การ add URL เข้าไปในเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงที่เปิดบริการให้เว็บต่างๆเพิ่ม site ลงไปในฐานข้อมูลเพื่อทำการจัดหมวดหมู่และเนื้อหาภายในเว็บเหล่านั้นก็เป็น อีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้สามารถโปรโมทเว็บไซต์ได้ มาเริ่มทำการ Submit URL กันเลย
ใส่ Website เข้าไปยัง Google search engine Google Submit
ใส่ Website เข้าไปยัง Yahoo search engine Yahoo submit
ใส่ Website เข้าไปยัง Live search engine Ying Submit
Add URL กับสุดยอดเว็บไซต์ในประเทศไทย
http://webdir.hunsa.com/reg.php
http://webindex.212cafe.com/
http://www.365jukebox.com/md/addweb.html
http://www.kapook.com/links
http://webindex.narak.com/addurl.shtml
http://link.deedeejang.com
http://www.pixiart.com/links/addlinks.php
http://www.saranair.com/links.php?op=AddLink
http://www.eduzones.com/search/addurl.php
http://www.kmitl.ac.th/~kswaiyav/Football/addurl.html
http://www.yoye.com/url/post.htm
http://www.ctv.co.th/dir/add_url.php
http://www.bcoms.net/promoteweb/addurl.asp
http://www.tem100.com/search/addurl.asp
http://www.friend.co.th/Add.asp
http://www.entrance.co.th/links/addurl.asp?categorycode=1
http://www.thaifitway.com/Link/addform.asp
http://www.autodecal.net/add_url_form.asp
ที่มา : สยามมันนี่ดอทเน็ต
ถ้าเราใช้เครื่องมือค้นหาที่มีประสิทธิภาพจะช่วยปรับปรุงอันดับของหน้าของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น.
การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) เป็นกระบวนการที่เว็บมาสเตอร์หรือเจ้าของธุรกิจออนไลน์ใช้เป็นยุทธศาสตร์ เพื่อเพิ่มความนิยมเว็บไซต์. ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้นกว่าทศวรรษที่ผ่านมา, การแข่งขันเพื่อที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการจัดอันดับใน Google และอื่นๆที่โดดเด่นเช่น Yahoo ดังนั้นความเข้าใจพื้นฐานของ SEO เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อ'ความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์ .
มีเครื่องมือค้นหามากมายที่มีความซับซ้อนให้ผู้ใช้ค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง ได้อย่างรวดเร็วโดยค้นหาเว็บไซต์ง่ายๆสำหรับคำหรือวลี (เช่น "ทำเงินออนไลน์"). ในขณะที่มีเทคนิคที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มอันดับของหน้าที่มีประสิทธิภาพมาก ที่สุดนั้นจะต้องทำให้บทความมีคุณภาพสม่ำเสมอด้วย.
1.ปรับปรุงเนื้อหาให้ดี มีสาระ ชีวิตชีวา
นี้อาจจะ ดูเหมือนเป็นแนวคิดง่ายๆแต่ก็มีเว็บไซต์อีกมากมายครับ ที่ไม่ให้เนื้อหาที่ผู้เข้าชมจะสนใจ. ถ้าหากสามารถตั้งค่าเว็บไซต์ไม่ให้มีความน่าเบื่อ, เว็บไซต์มีชีวิตชีวาจะช่วยทำให้การไต่อันดับใน Search Engine ดีขึ้น เว็บไซต์ที่ให้บทความที่มีการเขียนข้อมูลที่ดีและการปรับปรุงอย่าง สม่ำเสมอนั้นมีโอกาสมากขึ้นที่ส่วนมากผู้เข้าชมจะกลับมาที่เว็บไซต์อีกใน อนาคต.
2.เลือก keywords
องค์ประกอบที่สอง ที่สำคัญก็คือการรวมคำและวลีที่สำคัญของบทความ. ยิ่งถ้ามีคำ หรือวลี อยู่ในเนื้อหาจะทำให้การไต่อันดับใน Search engine เร็วขึ้น
3.ปรับปรุงเนื้อหาให้ใหม่สดอยู่เสมอๆ
ควรทำการเขียนและปรับปรุงเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ และทำ link หรือ widget กลับมายังเว็บไซต์ได้ยิ่งดี
4.ใช้ social ให้เป็นประโยชน์
เดี๋ยวนี้ Social Network เติบโตรวดเร็วและมีมากมาย ซึ่งจะทำให้มีช่องทางในการโปรโมทเว็บไซต์ได้เร็วและมี fan club อีกด้วย เช่น twitter.com
ที่มา : สยามมันนี่ดอทเน็ต
เพื่อนๆเคยสงสัยไหม ครับว่าทำไมเวลาเราเข้าเว็บไซด์ดังๆอย่าง Google Youtube Hotmail จึงเข้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เว็บเหล่านี้เป็นเว็บของต่างประเทศ
ซึ่งปรกติแล้วเว็บต่างประเทศจะใช้เวลาในการโหลดนานกว่าเว็บที่อยู่ในประเทศไทย ผมก็สงสัยเช่นกันครับ
เพราะ ทุกๆครั้งที่เราใช้บริการของ Google และบริษัทในเครือเช่น Gmail, Youtube, Google Earth และอื่นๆอีกมากมายนั้นเราเข้าได้อย่างรวดเร็ว
วันนี้ผมได้หาคำตอบมาให้แล้วครับ
ผม ได้ไปเช็ค Internet Map ของานวิจัยข้อมูล และสถิติเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet Information Research and Service) NECTEC ซึ่งได้มีการเก็บสถิติการเชื่อมต่อของผู้ให้บริการซึ่งพบว่า ผู้ให้บริการ Internet Gateway รายใหญ่ๆของประเทศเราได้เชื่อมสายตรงจากทาง Google สิงคโปร์ ไว้ด้วยดังภาพ
จากภาพด้านบนจะสังเกตได้เลยนะครับว่า Google มีการต่อสายตรงมายัง Internet Gateway กว่า 6 เส้น ซึ่งรวมๆแล้วก็หลายจิกะบิต เลยนะครับ
และภาพด้านบนเป็น Cat Connectivity Map รูปภาพแผนที่แสดงการเชื่อมต่อเครื่อข่าย
อิน เทอร์เน็ตของ CAT ทั้งแบบ Backbone Cable และ Peer to Peer ไปยัง International Providers และ CAT Managed Router (Router ของ CAT ในต่างประเทศที่ CAT เป็นผู้ดูแล)
ซึ่งเราจะเห็นว่ามีสายที่เชื่อมมาจาก Google ด้วย
จากการศึกษาครั้งนี้ทำให้ผมพบว่า
- บริษัทใหญ่ๆอย่าง google ลงทุนต่อสายตรงเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวด เร็ว และเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเองเพื่อให้มีคนใช้บริการเป็นจำนวนมาก
- นอกจากจะพบว่า google ใช้วิธีนี้แล้วเว็บใหญ่ๆที่คนไทยเข้ากันเช่น MSN IMEEM Yahoo หรือ Youtube ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน
ที่มา : เพชรดอทไอเอ็นเอททีเอช
1.เขียนในสิ่งที่มีสาระและประโยชน์ useful
2.เขียนเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกัน unique
3.เขียนในสิ่งที่น่าสนใจ newsworthy
4.เขียนก่อนใครเพื่อน first
5.เขียนในสิ่งที่คนอ่านแล้วรู้สึกฉลาด smarter
6.เขียนในเรื่องที่เป็นประเด็น หรือข้อโต้แย้ง controversial
7.เขียนเรื่องที่โดนใจ insightful
8.เขียนเรื่องที่ทำให้รู้สึกกลัว fear
9.เขียนเรื่องที่ประสบความสำเร็จ achieve
10.เขียนเรื่องที่มีคำตอบและการตอบสนอง response
11.เขียนเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกร่วม sense of belonging
12.เขียนเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก
13.เขียนเรื่องที่อ่านแล้วเข้าใจ interprets or translates
14.เขียนเรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจ inspirational
15.เขียนในสิ่งที่เป็นเรื่องๆ story
16.เขียนในเรื่องที่ช่วยแก้ปัญหา solves a problem
17.เขียนเรื่องตลก ขำขัน เบาสมอง laugh
18.เขียนในเรื่องที่ช่วยให้ประหยัดเงินและเวลา save time or money
19.เขียนในเรื่องที่แปลกใหม่ opinionated
20.เขียนในเรื่องที่มีตัวตน resource
21.เขียนในเรื่องที่เจ๋ง สุดขั้ว cool
จะว่าไป แล้วการเขียนเรื่องหรือเนื้อหาในบล๊อคนั้นไม่ใช่สิ่งตายตัว หรือต้องเขียนให้ได้ในทั้ง 21 ข้อทั้งหมด สิ่งที่สำคัญก็คือมีสาระ ประโยชน์ และน่าสนใจ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะนำไปใช้เพื่อปรับให้เข้ากับบล๊อคหรือเว็บไซต์ของตัวเอง
ที่มา : problogger
ไปเจอมาเก่าหน่อยแต่ก็เป็นความรู้น่ะครับสำหรับเพื่อนที่ต้องการ ออกแบบโลโก้ ตราสินค้า ของตนเอง
ตราสินค้า
ตราสินค้าจะทำให้สินค้าของเรา ต่างจากคู่แข่ง
ตราสินค้า คือ ชื่อ หรือเครื่องหมาย ของสินค้า Brand
ส่วนที่ออกเสียงได้ คือ ชื่อตราสินค้า Brand name เครื่องหมายการค้า Trademark คือ ตราสินค้าที่ได้รับการคุ้มครอง ตามกฏหมายห้ามลอกเลียนแบบหรือ นำไปทำซ้ำซ้อนกัน
1. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า
2. ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จากผู้จ้องจะเลียนแบบ
3. ทำให้ผู้ซื้อ ที่ชื่นชอบสินค้า ไม่สับสนเท่ากับเป็นการป้องกันตัวเอง จากคู่แข่งขันได้
ความสำคัญของตราสินค้า ต่อผู้บริโภค
1. เป็นเสมือนคำมั่นสัญญา จากผู้ขาย
2. ทำให้เรารู้ว่าใครเป็นผู้ผลิตหรือสินค้าเป็นของผู้ใด
3. เป็นหลักประกันคุณภาพ ของสินค้าต่อผู้บริโภค
4. เป็นตัวที่ทำให้ผู้บริโภค ตัดสินใจซื้อ
การสร้างตราสินค้าให้มีพลัง
1. ออกแบบตราสินค้าให้มีความเหมาะสม กับบรรจุภัณฑ์และตัวสินค้า
2. ต้องทำให้เกิดความแตกต่างกับตราสินค้า รายอื่น หรือของคู่แข่ง
3. ต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้าประเภท อุปโภค บริโภคที่มีอยู่มากมายหลายชนิด บนชั้นวางขายสินค้า
เอกสารอ้างอิง
ยรรยง สินธุ์งาม
ธกส.วารสาร/วิชาการปริทัศน์ ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์ 2548
เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงพอเคยได้ยินหรือบางท่านอาจไม่เคยได้ยินไม่เคยรู้จัก วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องราวของ ยักษ์ใหญ่วงการ eCommerce ของโลกอย่าง Amazon ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีว่าเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Jeffrey Preston Bezos เป็นผู้ก่อตั้ง Amazon.com ในปี ค.ศ. 1994 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1995 เพื่อเป็นร้านขายหนังสือมือสองออนไลน์ที่มีหนังสือกว่า 1 ล้านเล่ม Amazon ได้เริ่มเปิดรับสมัครสมาชิกเพื่อทำตลาดร่วม (หรือเรียกว่า Publisher) โดยใช้ชื่อเป็นของตนเองว่า Amazon Associates (หรือ Affiliate Marketing) ในปี ค.ศ. 1996 โดยมีสินค้าในช่วงแรกๆ นั้นเป็นหนังสือซะส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบัน Amazon ไม่ได้เพียงแค่ขายหนังสืออีกต่อไปแล้วครับ
ปัจจุบัน Amazon มีสินค้ามากมายหลากหลายกลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Apparel,Toys,Electronics,Movies,Auto & Industrial,Jewelry,Watches และอื่นๆ อีกมายมายจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียวครับ ปัจจุบัน Amazon สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Beacon Hill, Seattle สหรัสอเมริกา
ในปีที่ผ่านมา (2008-ปัจจุบัน) สภาพเศรษฐกิจของอเมริกาถดถอยอย่างมาก และเป็นประวัติกาลเลยก็ว่าได้แต่บริษัทที่ได้กำไรกลับกลายเป็น Amazon แห่งนี้นี่แหละครับ สาเหตุก็เนื่องมากจากว่า Amazon มีสมาชิกมากมายที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแนะนำและขายสินค้าอยู่ทั่วโลก รวมไปถึง คนไทยอย่างเราๆ ด้วยครับแต่ที่น่าแปลกใจก็คือว่า Amazon ไม่เคยโฆษณาสินค้าผ่านทางทีวี และหนังสือพิมพ์เลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเวลาที่ผ่านมาใช้เพียงสื่ออย่าง อินเตอร์เน็ตเท่านั้น ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั่วโลก และสหรัสอเมริกา
ปัจจุบัน Amazon ได้มีการพัฒนาเครื่องมือสนับสนุนสมาชิก Amazon Associates มากมายเลยครับเช่น Product Links,Banner Links,Widgets และ aStore อันเลื่องชื่อที่ผมเคยสร้างรายได้มาแล้วจนถึงปัจจบัน ส่วนวิธีการต่างๆ ในการสร้างรายได้นั้นเราสามารถเข้าร่วมสร้างรายได้กับ Amazon ได้สองลักษณะด้วยกันครับคือการทำ Search Engine Optimization (SEO) และ การทำ Search Engine Marketing โดยโฆษณาผ่าน Pay Per Click ซึ่งอาจต้องทำหน้าเพจเพื่อแนะนำสินค้าด้วยตนเอง สำหรับในบล็อกแห่งนี้นั้นจะนำเสนอวิธีการสร้างรายได้กับ Amazon ด้วยหลักการแบบ SEO เท่านั้นเพราะเป็นวิธีการที่ผมเองทำอยู่ในปัจจุบันนั่นเองครับ
ส่วนรูปแบบการจ่ายค่าคอมมิสชั่น นั้น Amazon จะจ่ายให้สมาชิกตั้งแต่ 4% – 15% เลยทีเดียวครับดังตารางรายละเอียดที่ผมเอามาให้ดูนี้ละครับเพื่อจะได้ทราบ กันครับว่ามีอะไรบ้างที่เราทำแล้วได้ค่าคอมฯ มากน้อยแค่ไหน
นี่คือตารางจ่ายค่าคอมมิสชั่นจาก Amazon.com
ครับก็คิดว่าหลายๆ ท่านคงพอรู้จัก Amazon Associates มากขึ้นนะครับและจะได้เข้าใจมากขึ้นว่า Amazon Associates นั้นคืออะไรก็เป็นเรื่องราวเล็กๆ น้อยที่ผมนำมาฝากและอยากเอามาเล่าสู่กันฟังให้มากขึ้นเพื่อที่ท่านที่ผ่านไป ผ่านมาจะได้รู้จักกันมากขึ้นนั่นเองครับ
ที่มา : เมกเมนนี่ดอทคอม
“Links ลิงค์ ” Links แบบไหนดีที่สุดสำหรับการเพิ่ม Back Links
0 comments Posted by wittybuzz at 1:57 AM
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากเขียนเรื่อง ลิงค์ Links ซึ่งมันไปเกี่ยวเนื่อจากการ สนทนาหลายๆครั้ง กับเพื่อนๆ ที่ทำเวปด้วยกัน ซึ่งคุยกันเรื่อง Link Building ซะเป็นส่วนมากครับ เพราะการสร้าง ลิงค์กลับมาสู่เว็บไซต์ หรือ Back Links มันมีควมสำคัญอย่างมากในการทำอันดับ Ranking ของเราใน เสิร์ชเอ็นเจิ้น ครับ
การสร้าง แบ็คลิงค์ Back Links คือกระบวนการหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Links Building เป็นการสร้างรากฐานสำคัญให้กับเว็บไซต์ของเรา เหมือนดังคำพูดที่ว่า “Content is King Links is Queen” ฮิตกันเหลือเกินสำหรับสโลแกนนี้ แต่ยังไงซะ มันก็เป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจมองข้ามได้ครับ ลิงค์ Links เป็นตัวแปรสำคัญในกระบวนการคำนวณ ของ Algorithm ขอแต่ละ เสิร์ชเอ็นเจิ้น คุณภาพ ลิงค์ สูง คะแนนและค่าของมันก็สูงตามไปด้วยครับ
เราวกกลับมาที่เรื่องของ ลิงค์ ต่อครับ เราต้องเรียนรู้ว่า ลิงค์ แบบไหนที่สามารถ ที่มีคุณภาพดีที่สุด และ ลิงค์ แบบไหนที่ให้คะแนนน้อยที่สุด รวมถึง ลิงค์แบบไหนที่เราไม่ควรเอาเข้าสู่เว็บไซต์ของเราครับ ซึ่งผมได้จัดเตรียมมาไว้ให้แล้วตามรายละเอียดดังนี้ครับ
Related Content Links
ลิงค์ ที่ดีที่สุด ที่จะส่งมายังเว็บไซต์และบล็อกของเรา ก็คือ ลิงค์ จากเว็บไซต์และบล็อก ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง กับเว็บไซต์ของเรา เช่น เรามีเว็บไซต์เกี่ยวกับ Thailand hotels ลิงค์ที่เข้ามาหาเราส่วนใหญ่จะเป็น Thailand Travels Guides ต่างๆ ถือว่า เป็น Related Content Links ครับ เพราะเนื้อหาเกี่ยวข้อง มีประโยชน์ และเว็บไซต์ของเราถูกอ้างอิง และส่งลิงค์กลับมาให้
Links from Link Farm
เพื่อนๆหลายคน อาจไม่รู้จัก ลิงค์ ฟาร์ม Link Farm จริงๆมันก็คือ ลิงค์ ที่มากจากหน้าเว็บเพจ ที่มี ลิงค์ออกไปยังเว็บไซต์ต่าง มากมายหลายร้อย หลายพันลิงค์ บางท่านอาจคิดว่า “แล้วพวกลิงค์จากสารบัญเว็บไซต์ละ ถือว่าเป็น ลิงค์ ฟาร์ม Link Farmไหม” ขอบอกเลยว่า มันต่างกันครับ เพราะ สารบัญเว็บไซต์ Directory จะมีความต่างกัน ตรงที่แบ่งหมวดหมู่ เป็นระเบียบและมี ลิงค์ออก ไม่เยอะเช่นเดียวกับ ลิงค์ ฟาร์ม Link Farm ครับ เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นตรวจสอบการแลกลิงค์ หรือลิงค์ที่เข้ามาบ่อยๆว่ามาจาก ลิงค์ ฟาร์ม Link Farm หรือไม่นะครับ
Links from Adult & Ilegal Sites
ลิงค์ จากเว็บไซต์ต้องห้ามต่างๆ เช่นพวกเว็บโป๊ เว็บการพนัน Casino รวมถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับยาเสพติด และยาต้องห้ามต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งครับ
ปล. ลิงค์ จากเว็บไซต์เหล่านี้ สามารถทำให้มีปริมาณ ทราฟฟิก มากได้โดยง่าย (สงสัยเป็นเพราะเนื้อหามันดี คนชอบเยอะ อิอิ) แต่ก็ถือว่าเป็นหาหา ทราฟฟิก แบบหมวกดำ เต็มๆ
เรื่องของลิงค์ยังมีอีกมายมาก แต่หัวข้อทั้งสามที่ยกมาพูด ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆครับ ถ้าผมพอมีเวลาว่าง จะเข้ามาเขียนรายละเอียดปลีกย่อยเพิ่มเติมให้ทีหลังน่ะครับ
ที่มา : ทรงชัย ณะอำภัย(ต๊ะ)
วิธีหาเงินออนไลน์ บนโลกไซเบอร์นี้ที่ได้จริงๆ และถูกต้องแน่นอน ว่าคนที่รวยด้วยอินเตอร์เน็ต หรือ หาเงินทางเน็ต เขาทำกันอย่างไรรับรองไม่ใช่พวกขายตรงแน่นอนครับ มีระดับตั้งแต่เดือนละ $1,000 ถึงระดับมืออาชีพคือ หลายแสนดอลล่าร์ต่อเดือน ....มาศึกษาวิธีที่ถูกต้องกันดีกว่า เพื่อจะได้ใช้เวลาที่เล่นเน็ตให้เกิดประโยชน์ครับ
1. สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วก็โปรโมตให้ดังกระฉ่อน เมื่อดังแล้วเงินก็มาเอง โดยที่นั่ง ๆ นอน ๆ ทำงานวันละไม่กี่ชั่วโมง แต่แน่นอน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ช่วงแรกจะเหนื่อยมากถึงมากที่สุดกว่าเว็บไซต์จะดัง ก็มีรายได้จากโฆษณาเดือนระดับหลักหมื่นบาท วิธีนี้มีเทคนิคที่สามารถสร้าง traffic (คนเข้าเว็บไซต์) ให้เว็บไซต์ดังได้ และมีคนเข้าอย่างน้อยระดับ 1,000 คนถึงหลายพันคนต่อวัน ภายใน 2 เดือน เทคนิคนี้มือโปรมากๆเขามักจะรู้กัน
2. สร้างเว็บไซต์ e-commerce สามารถทำได้ทั้งระดับประเทศและระดับสากล ระดับประเทศทำให้สำเร็จง่ายมาก ใช้เวลาทำเดือนสองเดือนก็สร้างยอดขายอัตโนมัติทุกเดือนได้เลยเ(พราะมีการ แข่งขันน้อยมาก) จนถึงใช้เวลาทำนานเป็นปีถ้าต้องเปิดตลาดใหม่เพื่อแนะนำสินค้าบริการอันใหม่ ให้รู้จักกันทั่วถึง ระดับสากลจะทำยากกว่าแต่ตลาดจะใหญ่มาก รายได้จะมหาศาล รายได้ระดับประเทศก็จะหลายหมื่นถึงหลายแสน ที่ผมเห็นคนไทยทำโดยทั่วไป ส่วนรายได้ระดับสากลระดับห้าแสนถึงหลายสิบล้านต่อเดือน เวลาทำตอนแรกจะต้องเหนื่อยมาก ก่อนที่จะสบายตอนหลังเมื่อระบบการตลาดมันเดินด้วยตัวของมันเอง case study ระดับประเทศเช่น เว็บขายถุงยาง, เว็บชุดชั้นในวาบหวิว ฯลฯ case study ระดับสากลเช่น thaigem, เว็บขายอุปกรณ์มวยไทย ฯลฯ
3. ทำ Ebay หรือ Auction อันนี้มีตัวอย่างความสำเร็จมากมายของคนไทย เป็น power seller กันแยะ ข้อมูลไปดูที่ รายได้ระดับ 40,000 - หลายแสน อาจถึงระดับล้าน(เป็นบางคนนะครับ) ช่วงต้นก็ต้องลำบากมากๆๆๆ เหมือนเคยเพราะต้องทดลองตลาดที่ขายได้จนเจอ(เสีย cost ไปไม่น้อย) ก่อนที่จะสบาย คือเมื่อจับตลาดสินค้าได้แล้ว ก็เป็นแหล่งทองที่สามารถขุดได้เรื่อย ๆ ไปอีกนานเลยทีเดียว
4. ทำ Affiliate program ทั้งด้วยเว็บไซต์และ google adwords รายได้ตรงนี้มีตั้งแต่ระดับ 1,000 ดอลล่าร์ ถึง หลายแสนดอลล่าร์(พวกโครตเซียน ส่วนมากจะเป็นฝรั่ง) affiliate program คือ การหารายได้โดยการที่เป็นตัวแทนไปตกลงกับเจ้าของสินค้าว่าจะแนะนำลูกค้าให้ โดยการทำ link ไปยังเว็บไซต์ของเขา ลูกค้าจะถูก track ด้วย cookie เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง ๆ (แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทเขา)ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นตามที่ตกลงไว้ ตัวอย่างสินค้าที่คุณสามารถเลือกโปรโมตได้มีตั้งแต่สากะเบือยันเรือรบ เป็นสินค้าบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายเท่าที่คุณจะนึกออก เช่น ebay, dell, morgan stanley,amazon,adwords ฯลฯ รายละเอียดต่าง ๆ มีมากมาย มีคนสร้างรายได้ด้วยวิธีนี้กันหลายแสนคนทั่วโลก มีระบบการทำและให้คำแนะนำกันมากมาย และแน่นอนทำไม่ง่ายอีกเช่นเคย จะว่าไปถึงขั้นให้สำเร็จยากเลยล่ะ แต่ถ้าทำสำเร็จเมื่อไร รายได้ที่ได้จะ automatic อย่างมากมายทันทีแม้คุณจะนั่งกินนอนกินทั้งปีก็ตาม
5. ทำ Google adsense คือการเข้าร่วมการโฆษณาของกูเกิ้ลในเว็บไซต์ของคุณ โดยที่คุณยอมเสียพื้นที่โฆษณาของคุณให้กูเกิ้ลลง คุณจะได้รายได้เมื่อมีคนคลิ๊ก (ทำได้เฉพาะเว็บภาษาอังกฤษ) โดย google จะเป็นคนจ่ายให้คุณ วิธีนี้มีคนนับล้านคนหารายได้เสริมจากทางนี้ พวกเซียน ๆ (ที่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ๆ แต่เป็นคนทั่วไปแบบเรานี่ล่ะ)มีรายได้สบาย ๆ จากทางนี้ขั้นต่ำเดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ถึงหลายหมื่นดอลล่าร์ กันหลายคน วิธีการสร้างเว็บเป็นภาษาอังกฤษเหมือนจะยุ่งยาก แต่มันก็มีเทคนิคการสร้างเช่นกัน ให้เสร็จภายในระยะเวลาไม่นาน โดยมีเนื้อหานับร้อย ๆ หน้า หรือจะไปซื้อจาก ebay ก็มีขายเยอะแยะ แต่ที่ยากคือการโปรโมตให้คนเข้ามาเยอะ ๆ แต่พวกเซียน ๆ ก็มีสารพัดเทคนิคทำสำเร็จภายในไม่กี่เดือน แต่ก็เหมือนเดิม ต้องเหนื่อยมาก ๆ ค่อนข้างยากในตอนแรก ลองดูตัวอย่างได้ที่ http://wittybuzz.blogspot.com/ แห่งนี้ก็ได้น่ะครับ
6. รายได้จาก domain seller จะมีพวกเซียนที่ทำการจดโดเมนสวย ๆ มาขายต่อในราคาแพง พวกนี้เก่งจริง ๆ แล้วมีประสบการณ์ในการรู้มูลค่าของชื่อได้ดี และรู้ระบบการตลาดในการขายที่เยี่ยมยอด ที่ผมเห็นหลายรายจดโดเมนมา $10 ขายต่อไปในราคา $100 – หลายพันดอลล่าร์ บางชื่อระดับหมื่นดอลล่าร์ (อย่างเว็บ Thailand.com ซื้อมาในราคาร้อยล้านบาท) คนที่ทำกันจริงจังมีโดเมนอยู่ในมือนับหลายร้อยชื่อเลยทีเดียว แต่ต้องมีประสบการณ์ไม่งั้นก็อาจเจ๊งได้ง่าย ๆ เช่นกันเพราะต้นทุนเยอะ
7. รายได้จาก parking domain พวกนี้จะไปจดโดเมนดัง ๆ ที่หมดอายุแล้วเจ้าของไม่ต่อ แล้วเอาไป parking คือฝาก dns ไว้ที่ sedo.com เวลามีคนเข้าเว็บมาก็จะเจอหน้า parking ที่มีโฆษณา แล้วก็ได้รายได้เป็น pay per click พวกเซียน ๆ จะมีเป็นร้อยโดเมนเลยทีเดียว สร้างรายได้ให้เขาระดับนับหมื่นดอลล่าร์ต่อเดือนสบาย ๆ โดยวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร และแน่นอนมันก็ไม่ง่ายอีกเช่นกัน แม้แต่ละวันจะมีโดเมนที่หมดอายุนับหมื่นชื่อทุกวัน แต่ก็มีคนพวกนี้ที่มีเครื่องมือชั้นยอดคอยจ้องฉกเว็บชิ้นปลามันไปกินมากมาย
8. รายได้จากการขาย ebook หรือ software (ส่วนมากจะเป็น ebook) พวกนี้จะเขียน ebook ขึ้นมาเล่มนึง แล้วก็ไปเช่าเว็บโฮส เขียน selling killer ads เป็นโฆษณาแบบ sale letter ที่อ่านแล้ว โอ้โห มันยอดมาก สุดยอดอะไรเช่นนี้ ทำให้อยากซื้อมาก ๆ แล้วก็สามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแล้ว download สินค้าได้ทันทีเลย วิธีนี้สำคัญที่ sale letter ads page กับการโปรโมต ถ้าโปรโมต traffic อย่างถูกวิธี พวกเซียน ๆ อีกเช่นเคย ทำมาจนเซียน อยากหาเงินเมื่อไรก็ได้ เพราะเขาบรรลุวิธีการตลาดหมดแล้ว สามารถโปรโมตอีบุ๊คธรรมดาทั่ว ๆ ไปให้มียอดขายได้ไม่ตำกว่า 300-1000 sale download ราคาต่อเล่มประมาณ $30-$100 มีรายได้ต่อเดือนประมาณ $9,000 ถึง 100,000 ดอลล่าร์ เลยทีเดียว
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ทางอินเตอร์เน็ตที่กำลังเป็นที่ นิยมอยู่ตอนนี้ในต่างประเทศ ที่ต้องใช้ความรู้ ความพยายาม และยังมีเทคนิคหรือวิธีการอื่นๆ อีกมาก...ถึงเวลาที่จะสนุนคนไทยให้สามารถสร้างรายได้ออนไลน์ ช่วยกันโกยเงินดอลลาร์เข้ามาประเทศของเรา หรือถ้าใครพอจะรู้วิธีอื่นๆก็สามารถนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
ที่มา : สยามมันนี่ดอทเน็ต