เอามาให้อ่านกัน ความจริงหลายเดือนแล้วแหละ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าไม่ว่าจะ คุณป้ามหัศจรรย์ "ซูซาน บอยล์" ในคลิปวีดีโอถูกคลิกชมไปแล้วกว่า 100 ล้านครั้ง หนุ่มนิรนามหน้าตาบ้านๆวาดลีลาเต้นรำสุดมันส์นาน 6 นาทีในคลิป Evolution of Dance ถูกเปิดชมไปแล้วมากกว่า 119 ล้านครั้ง ภาพวิดีโอเด็กน้อยนั่งหัวเราะบนเก้าอี้ยังถูกเปิดชมไปกว่า 80 ล้านครั้ง เฉพาะคลิปแฟนนักร้องสาวบริทนีย์ใจกล้าปีนป่ายขึ้นไปบนเวทีแสดงคอนเสิร์ต ยังถูกคลิกชมไปมากกว่า 5 แสนครั้งในวันเดียว
สถิติเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับบทความ ภาพ หรือเสียงที่มีการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต จึงไม่น่าแปลกใจที่วีดีโอจะกลายเป็นเพชรเม็ดโตในตระกูล Social Media ที่นักโฆษณายุคใหม่จ้องมองตาเป็นมัน เพราะแม้จะเป็นวีดีโอโฆษณาสินค้า แต่ถ้าเป็นวีดีโอที่โดนใจแล้ว คนออนไลน์ก็จะคลิกเข้ามาชมเองโดยสมัครใจและตั้งใจ เรียกว่าต้องเพลินคนดูก่อนจึงจะเพลินนักการตลาด
บทความของคุณณัฐวัฒน์จาก www.duocore.tv ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอออนไลน์สัญชาติไทยชื่อดัง จะอธิบายเหตุผลให้ฟังว่าทำไมจะต้องเป็นวิดีโอ และวงการโฆษณาด้วยวีดีโอออนไลน์บ้านเราจะประสบความสำเร็จแบบต่างชาติได้หรือ ไม่ รวมถึงกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ และเคล็ดลับในการสร้างความเพลินให้กับโฆษณาวิดีโอออนไลน์ของคุณเอง เชื่อว่าจะไม่ได้เป็นประโยชน์กับเจ้าของแบรนด์อย่างเดียว แต่จะรวมถึงเจ้าของเว็บทุกคนที่ต้องการดึงดูดความสนคนบนโลกไอทีด้วยวิดีโอออ นไลน์
Social Media กับการตลาดออนไลน์
บทความโดย ณัฐวัฒน์ ปาลกะวงษ์ ณ อยุธยา ? http://www.duocore.tv
หลังจากที่ประธานาธิบดี โอบาม่า ของสหรัฐได้รับตำแหน่ง เดี๋ยวนี้หลายๆท่านคงเริ่มได้พบเห็นหรือได้ยินคำว่า Social Media กันมากขึ้น ทั้งในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือแม้กระทั่งสื่อ online ต่างๆ เพราะปรากฎการณ์ โอบาม่า นับเป็นตัวอย่างการใช้ Social Media ที่ได้ผลมากที่สุด มากเสียจนได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเลยทีเดียว
สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับคำนี้ หรือเคยได้ยินแต่ Social Network ก็ไม่ต้องแปลกใจไป ยังไม่ตกเทรนครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่รู้จักคำว่า Social Media ก็จริง แต่ไม่แน่บางทีคุณก็อาจเคยทำหน้าที่เป็น Social Media อยู่โดยไม่รู้ตัวก็ได้
ก่อนอื่นคุณต้องถามว่าเคยมี พฤติกรรมแบบนี้ไหม เช่น เคยส่งคลิปวิดีโอเจ๋งๆจาก Youtube ให้เพื่อนต่อทาง MSN, เคยเขียนเล่าประสบการณ์ในการใช้บริการหรือสินค้าในเว็บบอร์ดหรือ blog ของตัวเองบ้าง, เคยจะไปเที่ยวต่างประเทศแต่หาข้อมูลในเว็บบอร์ดสักที่ก่อน เผื่อจะมีคนเคยไปมาแล้วรีวิวให้อ่าน, ไปถ่ายรูปมาสวยๆแล้ว post เข้าเว็บเก็บรูป แชร์ให้เพื่อนฝูงในก๋วนดู หรือเป็นขาประจำค้นหาข้อมูลใน Wikipedia
ถ้าคุณเคยทำสิ่งเหล่านี้ละก็ ใช่แล้วครับ คุณเคยใช้และทำตัวเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของ Social Media ไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว
ทุกวันนี้เว็บที่ให้บริการต่างๆ รวมไปถึงบรรดา Social Network อย่าง Facebook, Hi5, Flickr, Wordpress, MySpace, Blogger, Youtube, twitter ฯลฯ ต่างก็เติบโตอย่างรวดเร็วและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดรูปแบบใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Social Media หรือแปลไทยๆให้เข้าใจกว่าเดิมว่าเป็น "สื่อสังคมที่ผู้ใช้เป็นผู้สร้างเนื้อหาและแบ่งปันให้กับผู้อื่นในเครือข่าย ของตน โดยที่ผู้ใช้อาจจะเป็นได้ทั้งผู้สร้าง หรือเพียงแค่ รับ-ส่ง เนื้อหานั้นๆ" โดยที่เนื้อหาจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น บทความ ข้อความ เพลง คลิปวิดีโอ bookmark ข่าว กระทู้ ความคิดเห็น รูปภาพ จะเป็นอะไรก็ได้ไม่ผิดกติกาทั้งนั้น
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการตลาด?
ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ การที่บริษัทต่างๆจะทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรสักอย่าง คงจะต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนจะลงงบประมาณโฆษณาสักครั้ง ว่าทำอะไรถึงจะได้ผลคุ้มกับเม็ดเงินที่ต้องเสียลงไป ด้วยเหตุผลนี้แหละครับ คำว่าทำการตลาดแบบ Social Media เลยผุดขึ้นมาในหัว เพราะเป็นการทำการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ตรงกลุ่มลูกค้าที่สุดของที่สุดแล้ว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นละ?
นักการตลาดทุกท่านคงทราบดีว่า การตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและต้นทุนน้อยที่สุดคือ "การตลาดแบบปากต่อปาก" ซึ่ง Social Media ในความหมายแบบบ้านๆก็คือ การทำการตลาดแบบปากต่อปากที่มีเครื่องมือมาช่วยทำให้มันมีพลังมากขึ้น ส่งต่อผ่านไปได้ง่ายขึ้น เพียงแค่คนๆเดียวก็สามารถบอกเพื่อนในกลุ่มได้เป็นร้อยๆ พันๆ แล้วยังง่ายขนาดที่เพื่อนๆสามารถส่งต่อไปได้โดยแค่ ลากเมาส์ กดๆ วางๆ ก็สามารถบอกต่อเพื่อนของเขาไปได้อีกเป็นพันๆคนแล้ว โดยผ่านเครือข่าย Social Network หรือเครื่องมือ Online ต่างๆนั่นแหละ
ซึ่งการที่ลูกค้าได้มีการพบเห็นและส่งต่อเนื้อหาหรือโฆษณานั้นๆ ทำให้เขาและเพื่อนเกิดการจดจำแบรนด์หรือสินค้าไปโดยไม่รู้ตัว เพราะมันถูกเห็นบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เพื่อนพูดถึงบ่อยๆ หรือมีคนประทับใจเยอะ ก็ทำให้เกิดการอยากทดลองใช้ อยากซื้อ อยากทำตามกระแสนั้นๆ
ยกตัวอย่างในบ้านเราที่คุ้นเคยกันดี ก็ประเภทร้านอาหารหลายแห่ง ที่อยู่ดีๆวันดีคืนดีก็มีผู้คนมากมายหลั่งไหลกันไปใช้บริการโดยเจ้าของร้าน ไม่ทันตั้งตัวว่ามาจากไหนกัน ก็ไม่ได้ไปโฆษณาที่ไหน ร้านก็อยู่แสนจะลึกลับซับซ้อน แท้จริงแล้วมีผู้ที่ไปใช้บริการแล้วนำไปบอกเล่าต่อผ่านเว็บบอร์ดชั้นนำหรือ blog ของตัวเอง โดยลงทั้งภาพ ทั้งวิดีโอ ประกอบ หรือแม้กระทั่งที่เที่ยวที่มาแรงในระยะหลังๆอย่าง อ. ปาย และ ปางอุ๊ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็เกิดขึ้นจาก Social Media แบบไทยๆนี่เอง
ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก
การทำการตลาดผ่าน Social Media จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะว่าเรากำลังเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคน เพื่อให้เขาชอบ ประทับใจ ตื่นเต้น ตกใจ หรือรู้สึกดีต่อสินค้าหรือแบรนด์ของเรา ไม่ว่าเราจะทำโฆษณาดีแค่ไหน ประทับใจแค่ไหน แต่ถ้าสินค้าของเราไม่ดีจริงละก็ โอกาสที่ลูกค้าจะบอกต่อข้อเสียของเราออกไปก็มีสูง
เพราะฉะนั้นหลายๆครั้งที่แบรนด์ดังๆมากมายล้มเหลวกับช่องทางนี้จนถูกต่อว่า เสียเละเทะไปเลยก็มีไม่น้อย แต่ก็มีอีกหลายเจ้าที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หลายๆครั้งเราก็เลยเห็นการทำตลาดผ่าน Social Media โดยใช้เพียงแค่ตอกย้ำแบรนด์อย่างกว้างๆ หรือเลือกหมวดสินค้ากว้างๆมาทำการตลาด มากกว่าที่จะย้ำไปในตัวผลิตภัณฑ์แบบเฉพาะเจาะจงรุ่น ยกเว้นว่าเจ้าของสินค้ามั่นใจในสินค้านั้นมากๆ
จำไว้เสมอว่าคุณกำลังเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของคน แบรนด์หรือสินค้าของคุณจะถูกนำลงมาใกล้ชิดกับลูกค้าอยากมาก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน พึงระวัง คุณอาจจะหลอกคนได้ร้อยคนพันคนว่าสินค้าหรือบริการของคุณดีจริง แต่คุณไม่สามารถหลอกคนนับหมื่นหรือแสนคนได้ทั้งหมดหรอก เพราะฉะนั้นจงเลือกใช้ของที่ดีที่สุดในการทำการตลาดผ่าน Social Media
ทำไมต้องเป็นวิดีโอ
ไม่ว่าเนื้อหาของคุณจะเป็นอะไร จะเป็นเสียง รูป หรือวิดีโอ ถ้ามันประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ได้ก็นับว่าดีทั้งนั้น แต่ คุณเคยได้ยินประโยคแนวๆที่ว่า "1 ภาพให้ความหมายมากกว่า 1 พันคำ" ไหมครับ? ก็เช่นกัน 1 ภาพเคลื่อนไหว ก็ให้ความหมายได้มากกว่า 1 พันภาพนิ่งเหมือนกัน ยิ่งยุคนี้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมีสัดส่วนผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นจนทำ ให้การดูวิดีโอผ่านเว็บเป็นเรื่องที่ง่ายได้กว่าแต่ก่อนแล้ว ทำไมเรามัวแต่จะใช้สารแบบเดิมๆกันละ ถึงแม้ว่างานบางอย่างวิดีโออาจจะไม่เหมาะสมหรือเกินความจำเป็นไปก็ตาม แต่สำหรับผู้ที่ได้รับสารนั้นก็ล้วนชอบดูภาพเคลื่อนไหวกันทั้งนั้น
ยิ่ง Viral Clip หรือคลิปวิดีโอแบบไวรัล ที่มีการส่งต่อแพร่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว ก็นับว่าเป็นสารที่เหมาะสมทีเดียว ใครที่เล่น Youtube บ่อยๆ ยังจำ 2 หนุ่มจีนที่ออกมาร้องเพลงลิปซิ้งของ Backstreet Boys ได้ไหมครับ ดังขนาดเป็น PR ให้ Motorola ในจีน และมีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองไปแล้ว
ถาม ว่าทำไมงานวิดีโอ Viral Clip ถึงเกิดการส่งต่อแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น ขอยกตัวอย่าง Jesus Shot ในเกมส์ Tiger Woods PGA Tour 08 ครับ
อย่างเกมส์ Tiger Woods PGA Tour 08 ที่มี ไทเกอร์ วู้ด เป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ได้มีการทำ Viral Clip ขึ้น โดยแผร่ผ่าน Video Sharing อย่าง Youtube โดยมันเริ่มจาก มีคนที่ซื้อเกมส์นี้มาเล่นได้ทำการถ่ายคลิปตอนที่ไทเกอร์(ในเกมส์) ยืนอยู่บนผิวน้ำได้ โดยคาดว่าจะเป็นข้อผิดพลาดของตัวเกมส์ แล้วทำการชิปลูกกอล์ฟลงหลุม พวกเขาเรียกมันว่า Jesus Shot (ชอตพระเจ้า) สร้างความสนุกสนานให้กับผู้เล่นเกมส์
แต่ EA Sports เจ้าของเกมส์นี้กลับทำในสิ่งที่เกินคาดยิ่งกว่า ด้วยการออกวิดีโอล้อเลียนเกมส์นี้ โดยให้ ไทเกอร์ วู้ด ตัวจริงๆ มาตี Jesus Shot ให้ดู แล้วบอกว่ามันไม่ใช่ข้อผิดพลาดของเกมส์หรอก ไทเกอร์เขาเก่งอย่างนั้นจริงๆ ผลคือวิดีโอนั้นมีคนดูไปกว่า 3 ล้านครั้งแล้ว (แน่นอนว่าแบรนด์อย่าง EA และ ลูกกอล์ฟ Nike ก็ถูกเห็นไป 3 ล้านครั้งเช่นกัน)
นี่เป็นการสร้างความประทับใจให้กับคนที่ซื้อเกมส์นี้ไปอย่างมาก และแน่นอนต้องมีการซื้อเกมส์เพื่อไปลองตี Jesus Shot อย่างเดียว ส่วนเจ้าของคลิปต้นฉบับก็ยังได้เงินก้อนโตเพื่อซื้อลิขสิทธิ์คลิปของเขาไปทำ การตลาดอีกด้วย ต่อเนื่องกัน EA ก็ยังทำคลิปล้อเลียนเพลง Rap แต่งเองอย่าง The Rubik's Cube Rap ใน Youtube ด้วยการบอกว่าให้ไทเกอร์เล่นลูกบิดมันยากสู้เอามาพัตเจ้าลูกบิดลงหลุมยัง ง่ายซะกว่าเลย คลิปนี้ก็มีคนดูไปล้านกว่าครั้งเหมือนกัน
อีกตัวอย่างที่สำคัญคือ Nike เมื่อพูดถึงสินค้าอย่าง Nike เราก็นึกถึงเครื่องกีฬา เสื้อผ้า รองเท้ากีฬา ทาง Nike ก็ได้มีการทำ Viral Clip โฆษณาของรองเท้าออกมาหลายตัว เมื่อหลายปีก่อนเป็น โรนัลดินโญ่ เตะบอลใส่คาน เสาประตู ไปๆมาๆ ด้วยรองเท้าเทพรุ่นใหม่ ที่นับถึงตอนนี้มีคนดูกว่า 24 ล้านครั้งไปแล้ว
ยังมีคลิปที่ โคบี้ ไบรอัน ดาราบาสเกตบอล NBA ชื่อดังใส่รองเท้ารุ่นใหม่ที่ทำให้เขากระโดดสูงขึ้น โดยคลิปโชว์ว่าเขากระโดดข้ามผ่านรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ซึ่งสร้างการถกเถียงอย่างมากมายว่าคลิปนั้นเป็นของจริงหรือปลอม มีการนำไปแพร่ผ่าน blog นับร้อยๆแห่ง มีการทำคลิปล้อเลียนเป็นร้อยๆคลิป แต่ยังไงก็ดีตัวเลขรวมๆแล้วคือมีคนดูกว่า 16 ล้านครั้ง ทั้งคลิปต้นฉบับ และคลิปที่มีคนเอาไปดัดแปลง ทำล้อเลียน และแพร่กระจายกันต่อเอง ถึงแม้ไม่เปิดเผยว่ารองเท้ารุ่นนั้นขายไปได้กี่คู่ แต่ผมว่าประสบความสำเร็จทีเดียว
หรือแม้กระทั่งล่าสุด ที่ Samsung จับเอาแกะนับร้อยๆตัวมาติด LED แล้วต้อนฝูงแกะบนเขาตอนกลางคืนให้ดูเหมือนว่ากำลังเล่นเกมส์ pong ในยุคเก่า หรือนำมาเรียงกันเป็นรูปโมนาลิซ่า แม้กระทั่งทำเป็นรูปพลุสวยๆ แล้วโชว์ว่าใช้เทคโนโลยี LED รุ่นใหม่ของ Samsung แล้วไอ้ LED แบบนี้ก็มีอยู่ใน LED TV รุ่นใหม่ของเรานะ คลิปนี้ก็มีคนดูไปกว่า 6 ล้านครั้งในไม่กี่สัปดาห์แล้ว สร้างสรรค์มากจริงๆ
บ้านเรานะไม่ใช่เมืองนอก จะสำเร็จเหรอ
สำหรับบ้านเราการทำการตลาดในรูปแบบวิดีโออาจจะเพิ่งเริ่มไม่เท่าไร แต่การที่จะทำให้คนเห็นคลิปนั้นเป็นแสนๆล้านๆครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกิน ไปนัก ลองดูอย่างคลิป "Phoenix สื่อรัก มช." ที่โชว์ลีลาของน้องนักศึกษาที่ทำการจัดส่งดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมานี้ โดยมีการเต้น ร้องเพลง ดูแล้วสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง เฉพาะที่ Youtube คลิปนี้มีคนดูผ่าน 5 แสนครั้งไปแล้วในเดือนเดียว
ถ้า ผมเป็นเจ้าของสินค้า เช่น ร้านดอกไม้ ของขวัญ ผมอาจจะติดต่อน้องๆกลุ่มนี้ให้ไปบริการลักษณะนี้กับลูกค้าเจ้าสำคัญๆ โดยอาจจะทำการบ้านหน่อยว่าลูกค้าคนนั้นชอบเพลงไหน ศิลปินใด เพื่อให้เกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้น แล้วถ่ายคลิปมาเผยแพร่ต่อไปเรื่อยๆ รับรองว่าใครก็อยากเข้ามาซื้อสินค้ากับคุณ ถึงแม้อาจจะไม่ใช้บริการน้องๆกลุ่มนี้ไปส่ง แต่เป็นเพราะลูกค้ารู้ว่าใช้บริการของคุณแล้วมันแตกต่าง มันเหนือกว่า มันประทับใจกว่ามาก
สรุป
การทำการตลาดผ่าน Social Media นอกจากจะต้องกำหนดว่าจะทำเพื่อชูอะไร สินค้า? บริการ? แบรนด์? ให้ชัดเจนแล้ว มันก็ยังไม่ใช่แค่เพียงการทำคลิป ทำบทความ ทำเนื้อหาอะไรสักอย่างแล้วโยนขึ้นอินเตอร์เน็ต โดยหวังว่ามันจะมีคนเข้ามาดู ชอบ และส่งต่อๆกันไป
แม้สิ่งที่ยากมากแล้วก็คือการหาไอเดียที่ใช่ เนื้อหาที่น่าสนใจ เนื้อหาที่โดน แล้วดูไม่ได้เป็นการยัดเยียดสินค้าจนเกินไป ยังจะต้องคิดเผื่อว่าเขาดูแล้วจะส่งต่อไหม ไม่ใช่ดูจบก็จบไป ประทับใจมากๆแต่ไม่ส่งต่อ ไม่บอกต่อ แบบนี้ก็มีอยู่เยอะ แต่งานที่ยากกว่าจึงเป็นการที่ทำให้มันเกิด ทำให้มันติด ทำให้มันเป็นกระแส ซึ่งเราอาจจะต้องวางแผนเพิ่มเติมด้วยการส่งเนื้อหาที่ทำนี้ไปให้ตรงจุดมากขึ้น ถึงกลุ่มมากขึ้น
บาง ครั้งอาจต้องปั่นกระแสในตอนแรกขึ้นมาให้ติดให้ได้ แล้วใช้การวางแผนที่ดีนำพาให้กระแสนั้นให้ติดไปเรื่อยๆให้นานที่สุดเท่าที่ จะทำได้
ที่สำคัญ การทำการตลาดผ่าน Social Media ไม่ใช่แค่การเลือกใช้สื่อใดสื่อหนึ่งหรือทางในทางหนึ่ง แต่เป็นการใช้สื่อทุกสื่อ เครื่องมือทุกเครื่องมือที่มีประกอบกัน ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และควรทำการวัดผลว่าลูกค้าที่เข้ามานั้นผ่านมาจากทาง Social Media หรือไม่ เพื่อการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อๆไป
ท้ายที่สุด อย่าไปกังวลกับผลของมันจนมากเกินไป ทำให้มันสนุก ทำให้คุณเองก็ชอบ แล้วมีความสุขกับการทำการตลาดแบบนี้ดีกว่า.
ที่มา : manager.co.th