A Blogger by Beamcool

บล็อค ที่รวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ การตลาด seo และ วิธีการ หาเงิน บน อินเตอร์เน็ต เทคนิคในการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต ( เราหมายถึงการ ทำเงิน บน อินเตอร์เน็ต จริง ๆ ที่ไม่ใช่การชวนเข้า mlm แต่อย่างใดครับ) รวมถึง บริการออนไลน์ ออฟไลน์ ต่าง ๆ ในเครือ Wittybuzz ไว้ด้วยกัน ใครที่เยี่ยมชมนี้ด้วย Internet Explorer แนะนำให้ดาวโหลด Firefox มาใช้จะดีกว่าครับ นอกจากลูกเล่นจะมีเยอะกว่า ยังมีเครื่องมือที่สนับสนุน SEO อีกด้วยครับ


เราทุกคนในที่นี้ คงทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า Google คือ search engine อันดับ 1 ของโลก ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก วัน ๆ หนึ่งผู้ใช้อินเตอร์เน็ต จะใช้บริการของ Google Search บ้าง Google Products บ้าง และ พูดคุยกันในฟอรั่ม หรือ เว็บบอร์ด เกี่ยวกับ Google ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน

ดังนั้น การที่จะทำให้เว็บไซต์ index ใน Google นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่จะทำให้เว็บติด search หน้าแรก ๆ หรือ อันดับสูง ๆ ของ keywords เฉพาะใน Google Search นั้น นับเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

สำหรับเว็บไซต์ที่ทีมงาน Wittybuzz ดูแลอยู่นั้น 92% ของ web traffic จะมาจาก direct hits ผ่าน Google Search

ดังนั้น จึงอยากนำเสนอ SEO basics บางอย่าง ซึ่งเป็นเทคนิคจำเป็นสำหรับการทำ search engine optimization ซึ่งทีมงาน Wittybuzz ใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อทำการ optimize เว็บไซต์ของเรา รวมถึงเว็บไซต์ของลูกค้า เพื่อรักษาอันดับเว็บไซต์ดังกล่าว ให้ติด search ในหน้าแรก ๆ ของ Google Search และ อันดับดีกว่าเว็บไซต์ของคู่แข่ง

เทคนิคการทำ Google SEO ที่สำคัญ 4 ข้อที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราติด ranking ที่ดีกว่าเว็บไซต์ของคู่แข่ง ของผลการค้นหาใน Google Search นั้น ได้แก่

1.) ควรเลือกใช้ keywords ให้ตรงกับเว็บไซต์ หรือ web page แต่ละหน้าให้มากที่สุด
การเลือกใช้ keywords ให้ตรงกับ web page เป็นหลักสำคัญสุด สำหรับการทำ web page ให้ติดอันดับต้น ๆ ของ main keyword ซึ่งเป็นคำทั่ว ๆ ไปนั้น ยากกว่า การใช้ keyphrase ซึ่งเป็นการเอา main keyword มารวมกับคำอื่น เป็นคำผสม (Compound Words) ขึ้นมา กลายเป็นวลีสำคัญ (keyphrase) ที่มีความหมาย ยกตัวอย่าง เช่น จะเป็นการยากที่เราจะเน้นโปรโมตเว็บไซต์ ด้วยคำว่า SEO เฉย ๆ ซึ่งมีคู่แข่งใน Google Search อยู่ตอนนี้ 241,000,000 web pages ซึ่ง SEO ทั่วโลก ที่เปิดให้บริการทั่วโลก แข่งขันกันอย่างหนัก ซึ่งเราให้บริการแค่อยู่ในไทย ก็ไม่เอาควรเอาไม้ซี่ไปงัดไม้ซุง ดังนั้น เราควรจะเน้นที่คำว่า Thai SEO หรือ Thailand SEO ซึ่ง มีคู่แข่งอยู่ไม่กี่ web pages เอง และ เป็นอะไรที่ตรงตัวกับเราที่สุด รวมทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจออนไลน์ ให้เราขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน

2.) ควรใส่ keywords ใน URL และส่วน Title Tag อย่างเหมาะสม
ปัจจัยสำคัญ ที่เป็นตัวกำหนด ranking ใน Google Search นั้น ได้แก่ โดเมนเนม และ title tag กล่าวคือ การจดแบบเอา keywords มาเป็น domain name จะได้รับการจัด ranking ใน Google Search ของ keywords นั้น ๆ ได้ดีกว่า เอาชื่อบริษัทมาจดโดเมนเนม แต่ข้อดีของการเอาชื่อบริษัท มาตั้งเป็น domain name ก็คือ การสร้าง brand name ให้กับสินค้า และ บริการของบริษัทของเราเอง ได้ดีกว่า การเน้นเอา keywords มาเป็น domain name

ส่วน title tag ก็สำคัญไม่แพ้ domain name ของเราเลย เพราะถ้าเราใช้ keywords ในส่วน title tag ของแต่ละ webpage ได้อย่างแยบยล โอกาสที่จะได้รับการจัดอันดับ ranking ใน Google Search ก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น เมื่อเรา search Google แล้ว เราจะเห็นส่วนมาก ผล search ที่ได้ จะมี hilight ที่ link แทบทุกตัว ซึ่งส่วนที่ Google ดึงมาเป็น link ของผล search ที่ว่านั้น เอามาจาก title tag ดังกล่าว มีน้อยมากที่จะเอาจากส่วนที่อยู่ใน body content เว้นเสียแต่ว่าเว็บไซต์ หรือ บริษัทนั้น จะดังจริง ๆ หรือ ใช้งบโฆษณาตัวเองสูง

3.) ควรให้ความสำคัญกับ Keyword Density
Keyword Density คือ ปริมาณความหนาแน่นของ Keyword นั่นเอง ใน content หรือ webpage หนึ่ง ๆ จะมีคำอยู่มากมาย แต่ Search Engine Bots หรือ Spiders จะตัดคำบางคำทิ้งไป เช่น a, an, the, is, am, are, was, were, been เป็นต้น เพราะน้อยมาก ที่คนจะใช้คำเหล่านี้ เป็น keywords หลัก search หาข้อมูลส่วนคำที่เหลือ จะถูกนำมาค้นหาคำซ้ำซ้อนกัน โดยมักจะแบ่งเป็น

- คำเดียวโดด ๆ (Single Word) เช่น website, designer, SEO เป็นต้น
- สองคำ (Two Words) เช่น website promotion, website designer, Thai SEO เป็นต้น
- สามคำขึ้นไป (Multiple Words) เช่น Thai website promotion, Thai website designer, Professional Thai SEO เป็นต้น

คำที่ได้ ในแต่ละกลุ่ม จะถูกนำมาคำนวณป็นค่าคะแนน keyword desity ซึ่งจะเป็นการเทียบอัตราส่วนความสำคัญของคำ ที่มีอยู่ในเนื้อหา และ keywords สำคัญ ๆ ที่เราต้องการสื่อให้เห็นถึง ค่าความหนาแน่นของ keywords ซึ่งค่า keyword density ควรอยู่ระหว่าง 7% ถึง 10% ของแต่ละ web page

ไม่ควรเล่นเทคนิค keyword density มากเกินไป เพราะกลายเป็น keyword stuffing ถ้าเน้นการใส่ keywords สำคัญ ๆ จำนวนมาก แต่ยังไงเสีย keyword density นี่แหละ เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลย

4.) ควรมี back links คุณภาพ ลิงค์มายังเว็บไซต์ของเราเป็นจำนวนมาก
Back links คือ เว็บไซต์ที่ลิงค์มายังเว็บไซต์ของเราโดยตรง ไม่ใช่พวกที่แอบใส่โค๊ดที่URL แล้ว redirect link ก่อนค่อยจะเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา พูดง่าย ๆ ว่า เมื่อ web paage ใด ๆ มี back links เยอะ ๆ web page นั้น ๆ ก็จะได้รับ ranking ที่สูงขึ้นกว่า web page ที่มี back links น้อยกว่า

ดังนั้น หัวใจของการมี ranking สูง ๆ ก็คือ การมี back links คุณภาพเยอะ ๆ นั่นเอง

ที่มา : คลิกบีเคเคดอทคอม

0 Comments:

Post a Comment



Newer Post Older Post Home